"Ruslan"
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2560 นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ชูป้ายรณรงค์เชิงตั้งคำถาม “ขออนุญาตเรียกตนเองว่าปาตานีได้ไหมครับ” ในขบวนพาเหรดมหกรรมกีฬาจันทน์กะพ้อเกมส์
ครั้งที่ 8
ซึ่งจัดโดยองค์การบริหารนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา หลังจากภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
แลกเปลี่ยนหรือกระทั่งด่าทอโดยมีการใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech)
ต่อมาได้มีกระแสข่าวจากมหาวิทยาลัยว่าป้ายข้อความดังกล่าวไม่ได้ผ่านการตรวจผ่านของกรรมการนักศึกษาและเจ้าหน้าที่
แต่เป็นกลุ่มคนไม่หวังดีฉวยโอกาสสอดแทรกเข้ามาในระหว่างพิธีการ
และมหาวิทยาลัยมีการตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้
จาการจับกระแสการออกมาเคลื่อนไหวของนักศึกษา
นายฮาซัน สารีมา นายกองค์การบริหารนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัด
มหกรรมกีฬาจันทน์กะพ้อเกมส์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อประชาไท (สื่อสนับสนุนแนวร่วม) “สิ่งที่เราอยากอธิบายคือ
เรากระทำการทุกอย่างบนฐานคิดที่บริสุทธิ์ใจต่อสังคม ในความรู้สึกของพวกเราปาตานี
คือ พื้นที่ คือ ชาติ อัตลักษณ์ คือรากเหง้าของเรา แต่อยากทำความเข้าใจว่า ปาตานี
คือคำจำกัดความที่ไม่ได้ผลักคนอื่นที่ไม่ใช่มลายู ออกไป”
อยากถาม นายฮาซัน สารีมา
กับความพยายามสร้างกระแสเป็นความบริสุทธิ์ใจหรือ?
ความรู้สึกที่เปลี่ยนผ่านด้วยการจัดกิจกรรมในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อด้วยป้ายผ้าข้อความ
ผ่านเวทีเสวนาสาธารณะต่างๆ ล้วนแล้วเป็นปลุกกระแสความเป็น “ปาตานี” ความกระสัน ความอยากที่ต้องการแยกตัวเองจากรัฐไทย
ซึ่งมิได้ต่างจากกลุ่มคิดต่างที่ใช้กำลัง “โจรปล้นชาติ กบฏแผ่นดิน”
นายฮาซัน สารีมา สื่อความรู้สึกของพวกเรา “ปาตานี” คือ “พื้นที่” คือ “ชาติ” “อัตลักษณ์” คือ “รากเหง้า” ของเรา..อยากให้มีการถกเถียงอย่างสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง
ความรู้สึกของคนกลุ่มนี้ได้ถูกหล่อหลอมไม่ใช่ประชาชนคนไทย
แต่เป็น“มลายู”ที่เคยมี “ปาตานี” เป็นที่ซุกหัวนอน..มักกล่าวย้อนอดีตประวัติศาสตร์ถูกรุกรานจากสยาม
และตกเป็นเมืองขึ้น การสื่อคำว่า "ชาติ" ไม่ใช้คำว่า "ชาติพันธ์" เป็นการส่อเจตนาอย่างชัดเจน
น่าแปลกใจเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านพ้นมาหลายร้อยปี
แต่กลับมีกลุ่มและองค์กรที่พยายามปลุกผี “ปาตานี”ขึ้นมาจากหลุม
แล้วภูมิภาคอื่นๆ ละ อย่างเช่น อาณาจักล้านนา อาณาจักศรีวิชัย อาณาจักรสุโขทัย
และอีกหลายพื้นที่ล้วนมีประวัติศาสตร์ของตัวเองแทบทั้งสิ้น ทำไม!! จึงอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความเป็น“ไทย”แม้จะต่าง“เชื้อชาติ”
การกล่าวอ้าง “ปาตานี” คือ คำจำกัดความที่ไม่ได้ผลักคนอื่นที่ไม่ใช่มลายู ออกไป มันใช่หรือ?
การสร้างความหวาดกลัว การเข่นฆ่าผู้คนต่างศาสนาที่ไม่ใช่มลายูที่นับถือศาสนา“อิสลาม”ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร?
ไม่ใช่เป็นการขับไล่ “กาฟิร” ทางอ้อมให้อพยพหนีตายออกนอกพื้นที่หรอกหรือ?
การปลุกกระแส “ปาตานี”ขับไล่ “กาฟิร”ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็น
“ปาตานีดารุลสลาม”อาการน่าเป็นห่วงต่อชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ต้องอยู่ด้วยความอดทน
การอยู่ร่วมทางพหุวัฒนธรรมถูกทำลายอย่างย่อยยับโดยน้ำมือของกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน
จำนวนคนไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่ไม่อยากย้ายออกนอกพื้นที่กลับถูกรังแก
ด้วยการลอบทำร้าย สร้างความหวาดกลัว หวาดระแวงในการใช้ชีวิต
การแสดงออกของกลุ่มคิดต่างด้วยการใช้กำลัง
หรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยสันติวิธี ของปีกการเมืองกลุ่มขบวนการ
จุดมุ่งหมายก็มิได้ต่างกันคือมุ่งไปสู่ “เอกราช” แยกตัวเองออกจากการปกครองของรัฐบาลไทย
การจัดกิจกรรมขบวนพาเหรดด้วยการสื่อป้ายผ้าข้อความ “ขออนุญาตเรียกตนเองว่าปาตานีได้ไหมครับ!!” เป็นความตั้งใจที่ส่อเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ใคร? คือผู้อยู่เบื้องหลัง!!..สังคมน่าจะรู้คำตอบดี...นี่แหละคือขบวนการเสี้ยมก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมตัวจริง!!.......
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น