27 เมษายน 2561

10 ผู้เห็นต่างวัยโจ๋...เข้าร่วมโคงการพาคนกลับบ้าน


พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 รับมอบตัวผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้ารายงานตัวขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 10 คน ที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ภายหลังจากรับรายงานตัวแล้ว แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ส่งต่อให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอำนวยความสะดวกให้ในทุกเรื่อง เช่น การฝึกเรื่องพันธะทางกฎหมาย การสร้างอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และกลับเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป
พลโท ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ก็ดีใจที่น้องๆเข้ามาร่วมในโครงการรับคนกลับบ้าน ซึ่งกลุ่มนี้ที่มาเป็นกลุ่มในอนาคต คือเขาอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงมาก จากการสอบถามทุกคนได้ถูกชักชวนมาเข้าร่วมขบวนการโดยไม่รู้ว่าขบวนการอะไร
หากไม่เข้าโครงการพาคนกลับบ้านหลังจากนี้ เขาอาจจะต้องไปรับจ้างดูต้นทาง ขี่มอเตอร์ไซค์ พามือปืนไป หรือวางระเบิด ซึ่งเป็นขั้นตอน. โดยที่เขาทำไว้ไม่ต้องสั่งไม่ต้องสอน มันเป็นกฎบังคับไว้อยู่แล้ว
ทำไมถึงบอกว่ากลุ่มนี้ที่เข้ามาที่เป็นรุ่นอนาคต เพราะต่อไปเขาต้องเจอในระบบนี้แน่ แต่เมื่อเขาเข้ามาอยู่ในโครงการของเราก่อน ระบบนี้ก็ต้องถูกละลายไป

นอกจากนี้ น้องๆ กลุ่มนี้ยังบอกอีกว่าเขารู้แล้วว่าเขาถูกหลอก เขาเข้าไปในขบวนการไม่เคยได้รับการดูแล พ่อแม่พี่น้องก็อยู่ลำบาก เขาเองก็ต้องหลบๆซ่อนๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจรวมกลุ่มกันมาเข้าร่วมในโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อที่จะเข้ามาร่วมพัฒนา
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนรุ่นเก่าๆที่หนีไป ปัจจุบันนี้ไปก็เริ่มทยอยเข้ามา ซึ่งเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วก็ได้รับมา 2 คน ส่วนเรื่องในอดีต ทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง 188 คน เข้ามารายงานตัวหมดแล้ว ดังนั้นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้เข้ามาร่วมโครงการหมดแล้ว เหตุการณ์ต่อจากนี้ไปตนเองคิดว่าจะสงบและดีขึ้นเกือบ 100% เพราะส่วนหนึ่งอยู่ที่ใจกับใจ ตนเองคิดว่าในเรื่องขบวนการตอนนี้ไม่มีแล้ว มันจบสิ้นไปนานแล้ว ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกัน

หลังจากนี้ช่วงสิ้นเดือนเมย.นี้รุ่นเก่าจากประเทศเพื่อนบ้านก็จะทยอยเข้ามารายงานตัวอีก คนที่ยังหลบๆซ่อนๆอยู่ ทางผู้การกรมทหารพราน ผู้พันหน่วยหลักต่างๆ ก็ได้รับการติดต่อจากญาติพี่น้องมาแล้วว่าจะขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งกลุ่มนี้ที่เข้ามาก็ได้บอกว่าเดี๋ยวจะเข้าไปชวนเพื่อนๆให้เข้ามาอีก เขาบอกว่าไม่ได้หนีไปไหน คนที่หนีคือคนที่ตายแล้ว

17 เมษายน 2561

จริงหรือ!! “แผ่นดินนี้เป็น ดารุลฮัรบี”



ความผิดพลาดของกลุ่มขบวนการกับการปลุกระดม บิดเบือนหลักศาสนา ประวัติศาสตร์ นำไปสู่การเสียมวลชน เนื่องจากสมาชิกกลุ่มขบวนกา
รเข้าสู่โครงการพาคนกลับบ้านและบางรายถูกจับ ทำให้ข้อมูลถูกเปิดเผยกระบวนการก่อเหตุของหัวหน้ากลุ่มและหนึ่งในนั้นคือ มะแอ (นามสมมุติ)...

มะแอ (นามสมมุติ) เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ยะลาซึ่งมีนักเรียนหลายพันคน ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีอุสตาซบางรายมาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ให้ฟังหลายครั้งว่าดินแดนในพื้นที่เดิมเป็นของคนมลายูมุสลิม แต่ว่าถูกรัฐสยามเข้ามายึดครอง??ซึ่งเป็นคำบอกเล่าที่ขัดต่อความเป็นจริงมาก.... 

โดย “อุสตาซสอนว่าเป็น วาญิบ [wayib – ข้อบังคับ] ที่เราจะต้องต่อสู้ เพราะแผ่นดินนี้เป็น ดารุลฮัรบี ” มะแอกล่าว
ตามหลักการของศาสนาอิสลาม คำว่า ดารุลฮัรบี (Dar-ul-Harb) หมายถึง “ดินแดนแห่งสงคราม” (Abode of War) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ปกครองโดยคนมุสลิมและไม่ได้ใช้ชารีอะห์เป็นกฎหมายหลักในการปกครอง คำถามที่ว่าดินแดนปาตานีนี้เป็น ดารุลฮัรบี หรือไม่นั้น ยังเป็นประเด็นที่ผู้รู้ทางศาสนาในพื้นที่เองมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน เพราะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช้เป็นการสู้รบในลักษณะดังกล่าว

สิ่งที่มะแอได้รับการบอกเล่าคล้ายคลึงกับประสบการณ์ของอีกหลายๆ คนที่เข้าไปสู่ขบวนการ มีการปลุกระดมจากหัวหน้ากลุ่มขบวนการพยายามเรื่องเล่าเรื่องที่มีการบิดเบือนหลักประวัติศาสตร์ หลักศาสนา โดยทางกลุ่มได้เล่าว่าแผ่นดินปาตานีนี้เคยเป็นอาณาจักรอิสลาม?? หรือเป็นดารุลอิสลาม (Dar-ul-Islam) ต่อมาถูกสยามยึดครองจึงได้กลายเป็น ดารุลฮัรบี ฉะนั้น การญิฮาดเพื่อกอบกู้เอกราชจึงเป็นฟัรดูอีน(ทุกคนจำเป็นต้องทำ) สำหรับคนมุสลิมทุกคน ว่ากันว่าอูลามา (ผู้รู้ทางศาสนา) ของกลุ่มขบวนการได้ประกาศฟัตวา (fatwa - คำตัดสินในทางหลักการศาสนาอิสลาม) ให้มีการญิฮาดเพื่อเอกราชของปาตานี แต่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าใครมีบทบาทในการออกฟัตวานี้ คนที่อยู่ในระดับปฏิบัติการรู้แต่เพียงว่าเป็น ออแฆตูวอ (หรือเขียนแบบมาเลย์กลางว่า orang tua) ซึ่งหมายถึงผู้อาวุโสของขบวนการ

มะแอเล่าว่าในตอนแรกๆ ก็ยังไม่ทราบว่าขบวนการที่ตนเองตัดสินใจเข้าไปร่วมนี้ชื่ออะไร... เขารู้แต่ว่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาคือ “นักรบฟาตอนี” เมื่อเขาจบการฝึกเปอมูดอแล้วก็ได้รับการบอกว่าขบวนการที่เขาเข้าร่วมนี้คือ BRN – Coordinate เขาเริ่มฝึกความกล้าในการปฏิบัติการด้วยการโปรยตะปูเรือใบ ป้ายสีบนป้ายถนน ก่อนเข้าฝึกเพื่อเป็น RKK และมีการพัฒนาไปเป็นการลอบวางระเบิด ยิงประชาชน ฆ่าเด็ก ฯลฯ

ทำให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามบางแห่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นที่่บ่มเพาะเยาวชน เช่น โรงเรียนอิสลามบูรพา โรงเรียนญิฮาดวิทยา ล่าสุดโรงเรียนบากงวิทยาก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เข้าข่ายฝึกอาวุธให้กับเยาวชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบหลักฐาน อาวุธที่ซุกซ่อนไว้เพื่อทำการก่อเหตุ ทำให้เยาวชนกลายเป็น "ผู้ก่อเหตุรุนแรง" และบางโรงเรียนถูกปิดในที่สุด.


*********************

16 เมษายน 2561

Malaysia police hunt for four ISIS militants still on the run

Malaysia police hunt for four ISIS militants still on the run

 

Clockwise from top left: The suspects listed were named as Muhamad Faizal Muhamad Hanafi, Muhamad Hanafi Yah, both of whom are from Kelantan state, Awae Wae-Eya, a Thai national living in southern Thailand and Nor Farkhan Mohd Isa, whose address was
KUALA LUMPUR - Malaysian police are hunting for four militants suspected of planning attacks on non-Muslim places of worship, as well as to kidnap and murder police officers.
Malaysia's police chief Mohamad Fuzi Harun said in a statement on Monday (April 16) that six members of the Islamic State in Iraq and Syria (ISIS) cell were arrested between Feb 27 and March 1.

But four others were still on the run. Police said the men were "dangerous" and "capable of launching attacks that could pose a threat to national security".
Two of the suspects listed were named as Muhamad Faizal Muhamad Hanafi and Muhamad Hanafi Yah, both from Kelantan state.

A third suspect is Nor Farkhan Mohd Isa, whose address was given as being in Taman Ungku Tun Aminah in Skudai, southern Johor.

The fourth suspect is Awae Wae-Eya, a Thai national living in Narathiwat province in southern Thailand.

"We have been monitoring the cells for the last few months. We are asking the public to share with us if they have any information on the whereabouts of these four suspects. They should approach the police if they know anything," Bukit Aman Special Branch's Counter Terrorism chief Ayob Khan Mydin Pitchay told The Straits Times.

Intelligence sources say they believe Awae is the group's mastermind, based on interrogation of the six men arrested, and that he is trying to establish an ISIS cell in southern Thailand.

The arrests of the other members of the terror cell, which included two men working as janitors in Singapore, were previously announced on March 24.

The plot was uncovered after Malaysian counter-terrorism police, aided by their Singaporean counterparts, detained the terrorists in a series of swoops.
The order to kidnap and kill policemen was the first of its kind, according to an intelligence source.

The six men who were nabbed earlier included a 37-year-old technician who was initially thought to have masterminded the plans to attack places of worship in Johor Baru.
The second suspect, a 49-year-old security guard, was the cell's adviser and responsible for keeping the cell and its plans secret.

Also picked up during the raids was a 30-year-old security guard, who was tasked with acquiring firearms from a neighbouring country and scouting for non-Muslim houses of worship to target.

Another suspect, a 25-year-old waiter, had been ordered to kidnap and kill policemen.
Two others, aged 23 and 22, were arrested on March 1 and worked as janitors in Singapore. One of them acted as the intermediary in the purchase of firearms for the cell, while the other was picked up to facilitate police investigations.

A member of the Abu Sayyaf group in the Philippines was also arrested during the police crackdown, in Sabah, on March 15.

The 31-year-old man is said to be a trusted lieutenant to Furuji Indama, the group's leader based in Basilan. Believed to have connections to Malaysian militant Mahmud Ahmad, he is also wanted by Philippines authorities for involvement in a kidnap-for-ransom syndicate. He is an expert in making improvised explosive devices and had planned to attack several locations in Sabah.

Malaysia has arrested nearly 400 people since 2013 for suspected links to terrorism.
The Muslim-majority nation faces threats from self-radicalised ISIS sympathisers at home, and regional militant groups which seek funding and refuge in South-east Asia.
Malaysia's only terrorist attack took place in June 2016, when two men on a motorcycle lobbed a grenade into a nightclub in Selangor, injuring eight people. The men were sentenced to 25 years' jail each.

*****************

ชีพนี้เพื่อชาติและ "ประชาชน"



"อส." คือกองกำลังประจำถิ่น ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญในการดูแลพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ "ทหารหลัก" หรือ "ทหารเขียว" ทะยอยถอนกำลังกลับบ้าน ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่า กองกำลัง อส. มีความสำคัญมากระดับต้นๆ ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพราะ อส.แต่ละคนคือคนในพื้นที่

แม้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ทุกนายในสามจังหวัดชายแดนจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้จะถูกยิงถูกระเบิดวันไหน แต่สำหรับ อส.แล้ว พวกเขาถือเป็น "เป้าใหญ่" เพราะส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ที่หันไปทำงานให้กับรัฐ จึงกลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของกลุ่มก่อความไม่สงบที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน

ซึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมีใบปลิวโจมตีข่มขู่เพื่อให้เปลี่ยนทัศนะคดติในเรื่องชาติพันธุ์ ศาสนา ของฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ อส.เข้าร่วมกับขบวนการ แต่ดูเหมือนว่าทำอย่างไรก็มิอาจทำลายกำแพงอันหนาแน่ของจิตใจกองกำลังอาสาได้ แน่นอนการที่มีคนทำงานเพื่อประชาชน เป็นคนในพื้นที่ ย่อมทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบด้านมวลชน มีความหวาดระแวงในกลุ่มขบวนการเรื่องการข่าว ย่อมทำให้กลุ่มขบวนการต้องมอบความกลัวให้กับ อส. เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดได้ เหมือนกับที่ทำไว้กับประชาชนในพื้นที่ นั้นก็คือการมอบความตายให้กลายเป็นความกลัว

หากประเมินสถานการณ์กันชัดเจนว่า ฝ่ายผู้ก่อการตั้งเป้าโจมตีและสังหารเจ้าหน้าที่ที่ถืออาวุธ และ อส.ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซ้ำยังจัดเป็นเป้าหมายอ่อนแอที่สุดในกลุ่มผู้ถืออาวุธ เพราะเป็นเพียงกำลังพลกึ่งทหารแต่ถือได้ว่าการทำงานของ อส. ดีกว่า ทหารในพื้นที่เสียอีก เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นคนนี้พื้นที่ รู้จักภาษาท้องถิ่น รู้จักคน รู้จักพื้นที่ดีกว่าเจ้าหน้าที่หน่วยอื่น ๆ จึงกลายเป็นหนามยอกอกที่ทิ่มแทง ฝ่ายตรงข้าม อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ต่อให้มีการก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต แต่ อส. เหล่านี้ ก็ยังทำให้ที่รับใช้ประชาชน ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ปกป้องแผ่นดินเกิดของตนเอง

ในภาพ อส. ในจังหวัดชายแดนใต้จึงกลายเป็น ไอดอล ของเยาวชนในพื้นที่หรือใครหลายคนที่ชื่นชอบการทำงาน สังเกตุได้จากการับสมัคร อส. ในสามจังหวัดชายแดนใต้ มีประชาชนหลายหมื่นคนรับสมัครทดสอบเป็น อส. เพราะพวกเขารู้ว่า อาชีพนี้คือการทำงานหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ชีพนี้เพื่อประชาชน

ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ อส. ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ทุกนาย ขอบคุณที่ดูแลประชาชน

เมื่อ 16 เมย.61 เวลา 02.21 รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่ บ.ควนลาแม ม.3 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จวปัตตานี ขณะที่ อส.มูฮาหมัดรอรี เจ๊ะเด็ง อายุ 42 ปี อยู่ 67 ม.3 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จว.ปัตตานี เป็นคนขับรถเก๋ง มีนาย อับดุลการีม มือซา อายุ 30 ปี อยู่ 17/3 ม.3 ต.นาเกตุ นั่งข้าง เพื่อจะกลับบ้านเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่จำนวนหลายนัดกระสุนถูกนาย อับดุลการีม บือซา เสียชีวิตและกระสุนไปถูกนายสาบูดิง นิเฮง 32 ปี อยู่ 16/1 ม.3 ต.นาเกตุ ซึ่งขับรถผ่านมาได้รับบาดเจ็บ นำส่ง รพ.โคกโพธิ์
เหตุเกิดบนถนน บ้านคลองช้าง-ควนลาแม บ.ควนลาแม ม.3 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จว.ปัตตานี

5 เมษายน 2561

นายกฯลงพื้นที่ปัตตานีเยี่ยมชุมชนสองวิถี สังคมพหุวัฒนธรรมบ้านทรายขาว





เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางเยี่ยมชุมชนสองวิถี สังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งเป็นชุมชนไทยพุทธกับชุมชนมุสลิมอยู่อาศัยร่วมกัน มีความร่วมมือร่วมใจในกิจกรรมพัฒนาชุมชนด้วยดีตลอดมา โดยนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางเข้าสักการะพระประธาน และเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ณ.อุโบสถมหาอุด และเข้าสักการะหลวงพ่อทวดสิทธิชัย หลวงพ่อทวด และหลวงพ่อทวดหมาน ณ.วิหาร 3 ทวด 


จากนั้นได้มอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่ตัวแทนนักเรียนในพื้นที่ จำนวน 5 โรงเรียน จากนั้นได้เดินทางโดยรถยนต์ไปยังมัสยิดนัจมุดดีนบ้านควนลางา บ้านควนลังงา ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พบปะประชาชนบ้านควนลังงา ณ.อาคารเอนกประสงค์ มัสยิดนัจมุดดีน และเข้าร่วมพิธีดูอาร์ (พิธีให้พร) ณ.มัสยิดโบราณ 300 ปี เยี่ยมชมมัสยิดโบราณ 300 ปี บ่อน้ำโบราณ และศูนย์การเรียนรู้ประจำหมู่บ้านควนลังงา 


สำหรับ มัสยิดแห่งนี้ได้สร้างขึ้นประมาณ 300 ปีมาแล้ว โดยความร่วมมือระหว่างเจ้าอาวาสวัดทรายขาวกับโต๊ะอิหม่ามในสมัยนั้น โดยมีการสร้างหลังจากสร้างโบสถ์ของวัดทรายขาวแล้วเสร็จได้ขอให้เจ้าอาวาสวัดทรายขาวช่วยสร้างมัสยิดเพื่อที่จะมีสถานที่ในการประกอบพิธีละหมาด โดยมีรูปแบบที่คล้ายกับโบสถ์ในศาสนาพุทธรูปแบบการก่อสร้างเป็นศิลปะการก่อสร้าง ตามแบบศิลปกรรมที่สืบทอดมาจากสถาปัตยกรรมลังกาสุกะ มัสยิดบาโงยลางาทั้งหลังสร้างขึ้นโดยไม่ใช่ตะปูแต่ใช่ลิ่มไม้ นับเป็นภูมิปัญญาและความสมานสามัคคีของชาวชุมชนท้องถิ่นร่วมกันสร้างศาสนสถานและวัฒนธรรมสถานที่งดงามล้ำค่า ทางศิลปะแบบราชอาณาจักรลังกาสุกะ จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ประจำหมู่บ้านควนลังงา พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะกรรมการมัสยิดนัจมุดดีนด้วยอัธยาศัยอันดี

หลังเสร็จภารกิจได้เดินทางโดยเฮลิค๊อปเตอร์ไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขึ้นเครื่องบินซี 130 กองทัพอากาศ ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร







---------------------


4 เมษายน 2561

จนท.สกัดรถต้องสงสัยพบอาวุธสงคราม - กระสุนปืนเพียบ!! ถูกอัดแน่นในยางล้อรถยนต์




วันที่ 3 เมษายน 2561 บริเวณด่านความมั่นคง ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.วิชชภัณฑ์ จันทราภรณ์ ผกก.สส.ภ.จว.สตูล พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ ปะดุกา หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.สตูล และกำลังทหารนำโดย ร.ต.ประสิทธิ์ ทองเที่ยว หน้าหน้าด่านตรวจความมั่นคง ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 จ.สตูล ร่วมกับ หน่วย นปพ. ได้ทำการตรวจค้นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุหมายเลขทะเบียน ผท 7691 พบสิ่งต้องสงสัยซุกซ้อนอยู่ในล้อรถยนต์ซึ่งสภาพล้อรถยนต์ร่องรอยกรีด 

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้เข้าตรวจสอบพบกระสุนปืน m16 ถูกอัดแน่นในยางล้อรถยนต์ แล้วก็ซ่อนไว้ในตามข้างรถยนต์ทุกซอกทุกมุม


ทั้งนี้การตรวจค้นที่พบกระสุนปืนM 16 แล้วยังพบปืนจำนวน 3 กระบอกโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเร่งทำการตรวจสอบที่มา และได้ควบคุมตัวนายจักรพันธ์ นุสคง อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 6 ตำบล สทิ้งหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา จึงได้เร่งสอบปากคำเพื่ออยู่ในขณะนี้

แต่อย่างไรก็ตามที่มาของกระสุนอาวุธสงครามในครั้งนี้ต้องสอบสวนผู้นำเข้ามาอย่างเคร่งเครียดเพราะการตรวจค้นในครั้งนี้ได้จับกุมในขณะรถกระบะดังกล่าวมุ่งหน้าเข้ามาในจังหวัดสตูล เพราะการลำเลียงเครื่องกระสุนนี้หวั่นเอี่ยวสามจังหวัดชายแดนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ไม่แน่ชัดข้อมูลดังกล่าว เพราะกระสุนจำนวนมากที่ทางตำรวจ ทหารเข้ายึดนี้จะนำไปที่ใด




------------------