เมื่อวันที่ 1 เม.ย.60 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4
กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่คลิปทหาร 3 นาย กำลังพูดคุยกับ
ผู้บริหารโรงแรม และถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย ว่าทหารใช้อำนาจไปรีดไถ
และปรักปรำผู้บริหารโรงแรมว่าเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น
การที่ทหารต้องไปพบเจ้าของโรงแรม ป่าตองฯ
เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมและได้ส่งเรื่องมายังกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย
(กกล.รส.) ของกองพลทหารราบที่ 5 (พล.ร.5 ) จึงได้ส่งทหารไปตรวจสอบและพูดคุยเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง อ่านข่าว :
คลิปว่อน! อ้างเป็นทหารปะทะคารมผู้บริหารโรงแรม มึนแจ้งข้อหามาตรา 13
ทั้งนี้
ทางศูนย์ดำรงธรรมฯได้รับเรื่องเรียนจากอดีตพนักงานโรงแรม
ที่ขาดงานช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่และถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม จึงไปร้อง
โดยทางศูนย์ดำรงธรรมได้แจ้งว่าในระเบียบของโรงแรมต้องให้กรรมการอย่างน้อย 2 คนลงชื่อจึงไล่ออกได้ ดังนั้น จึงสามารถทำงานต่อได้
แต่เมื่อพนักงานคนดังกล่าว เข้าไปทำงานได้
แต่ถูกผู้บริหารโรงแรมข่มขู่และใช้อิทธิพล ใช้ตำรวจบีบให้ออกจากงาน
พนักงานโรงแรมคนนี้จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังบก.ควบคุม พล.ร.5 และบก.ควบคุม พล.ร.5
ได้สั่งการให้ทหารชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 25 (ชป.รส.ร.25) เข้าดำเนินการตรวจสอบและรายงาน
พล.ท.ปิยวัฒน์
กล่าวว่า ต่อมาในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ชป.รส.ร.25 นำโดย ร.ต.วัฒนชัย
คล่องประดิษฐ์ หน.ชุดฯ ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้พบกับ
ผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว
และได้แสดงตัวและแจ้งให้ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบตามเรื่องร้องเรียน
ซึ่งผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
และรับทราบเรื่องดังกล่าว และได้เชิญ ชป.รส.เข้าไปนั่งในโรงแรมตามภาพที่ปรากฏในวีดีโอ
มทภ.4 กล่าวต่อว่า ต่อมาได้มีหัวหน้า รปภ.ของโรงแรม เข้ามาพูดคุยด้วย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นพ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม
จึงได้เข้าไปที่โรงแรมได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการมาตรวจสอบครั้งนี้
และได้แจ้งกับผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าวพร้อมตำรวจทั้ง 2
นายที่คอยติดตามว่า ชป.รส.ร.25
จะขอสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกร้องเรียน จึงให้ทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลด้วย แต่ผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว ได้แจ้งว่าตนเองไม่ว่าง
ขอเข้ามาพบในวันที่ 2 เม.ย.นี้ และจะนำเอกสารมายืนยันว่า
ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนไม่เป็นความจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ชป.รส.ร.25 ก็ได้นั่งพูดคุยกันต่อประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้
คลิปที่ถูกเผยแพร่ดังกล่าว ได้มีการตัดเอาภาพเฉพาะตอนที่ผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว
พูดแสดงความไม่พอใจในช่วงแรก มาเผยแพร่ในโซเชี่ยลฯ พร้อมข้อความที่ทำให้ ฝ่ายทหาร
เสียหาย ทั้งๆ ที่ตลอดการพูดคุย หลังจากนั้น เป็นไปด้วยดี
จึงทำให้สงสัยในเจตนาของบุคคลดังกล่าว
“ผมจึงให้นายทหารพระธรรมนูญเตรียมการฟ้องร้อง
ทางผู้บริหารโรงแรม และบุคคลที่เผยแพร่คลิปนี้ ทั้งๆที่ทหารทำตามระเบียบถูกต้อง
แต่งเครื่องแบบ และแสดงตัว พร้อมแจ้งข้อหา เรื่องร้องเรียน แต่กลับมากล่าวหาว่า
ทหารไปรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ ฝ่ายทหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ เสียหาย”
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว
พล.ท.ปิยวัฒน์
กล่าวว่าถึงการที่ทหารต้องพกอาวุธปืนสั้นนั้น
เพราะเป็นอาวุธปืนพกสั้นที่เป็นอาวุธประจำกาย ไม่ได้พกอาวุธสงคราม อีกทั้ง
เพราะเป็นการไปทำหน้าที่ กับผู้ที่ถูกร้องเรียนว่า
เป็นผู้มีอิทธิพลเป็นถึงผู้บริหารโรงแรม มีตำรวจติดตามดูแล 2 คนตลอดเวลา และจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นทหารจึงต้องระวังตัวเอง
“ผมกำลังทำเรื่องให้ต้นสังกัดตำรวจ
2 นายนี้ ที่มาติดตามดูแลผู้บริหารโรงแรมพิจารณาโยกย้าย
เพราะตำรวจควรไปทำหน้าที่ของตำรวจ ไม่ควรมาเดินตามผู้บริหารโรงแรม
ซึ่งจากคลิปวิดีโอที่ปรากฏในโซเชี่ยลฯ รวมทั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารถ่ายมาเป็นหลักฐาน
ตลอดเวลาการเข้าปฏิบัติหน้าที่ จะเห็นว่า ฝ่ายทหาร นิ่ง สุขุม ทำตามระเบียบ
ในการแต่งเครื่องแบบ แสดงตนชัดเจน และแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ชี้แจง
เมื่อทำแบบนี้เราก็คงต้องใช้มาตรการทางกฎหมายในการดำเนินการ” พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น