เมื่อวันที่ 2 เม.ย.61 ที่มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร
ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
ร่วมแถลงข่าว การดำเนินการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐ
พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานมายืนยัน ว่าโรงเรียนบากงพิทยา
มีความเกี่ยวโยงกับการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของรัฐ
หลังจากที่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้
กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่
ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบภายในโรงเรียนบากงพิทยา บ้านบากง ตำบลบางเขา
อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ผลการดำเนินการ ตรวจพบเอกสารปลุกระดมมวลชน
เพื่อสร้างความวุ่นวายและก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน
ถังดับเพลิงและถังแก๊สปิกนิก ที่เก็บไว้ในลักษณะอำพรางซุกซ่อน
ไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่อาจมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ที่น่าสงสัย
และตรวจพบหลักฐานการทุจริต งบประมาณในการอุดหนุนการศึกษาของรัฐการให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงที่อำพรางเป็นบุคลากรทางการศึกษา
อยู่ในโรงเรียน
ด้านพลตรี
จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดเผยว่า
ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าโรงเรียนบากงพิทยา
มีพฤติกรรมการทุจริตงบประมาณของรัฐในการให้การสนับสนุนการศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย
1.บัญชีรายนักเรียนที่ไม่ตรงกับจำนวนที่เข้าเรียนจริง
เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีนักเรียนที่ มิได้เข้าเรียนจริงจำนวนหนึ่ง ในจำนวนนี้
พิสูจน์แล้วยืนยันว่าไม่ได้เข้าเรียน จำนวน 3
คนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ
2.ใบเสร็จรับเงินที่จัดซื้อหนังสือเรียน
ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องยอมรับว่า
ได้จัดซื้อจริงเพียง ร้อยละ20
ส่วนที่เหลือให้ร้านค้าเขียนใบเสร็จเต็มจำนวนเพื่อให้ได้ประโยชน์จากส่วนต่าง
3.มีการจ่ายค่าตอบแทนครู
น้อยกว่าที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด กล่าวคือ
กระทรวงศึกษาธิการจ่ายค่าตอบแทนรายเดือน ให้ครูที่บรรจุตามวุฒิ รายละ15,000 บาท แต่โรงเรียนจ่ายให้ประมาณ 7,000-8,000 บาท
โดยอ้างว่า เป็นความสมัครใจของครู
เพื่อนำเงินส่วนต่างมาเฉลี่ยจ่ายให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้บรรจุตามวุฒิ
4. มีการจ่ายค่าเสี่ยงภัยของครู
น้อยกว่าที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด กล่าวคือ
กระทรวงศึกษาธิการจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้ครู รายละ2,500
บาทต่อเดือน แต่โรงเรียน จ่ายให้เพียง 1,000-1,500 บาท
โดยอ้างว่าต้องนำมาเฉลี่ยให้ครูที่ไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว และ
5.หลักฐานที่ใช้เพื่อเบิกงบประมาณของรัฐ
พบว่ามีสถานประกอบการห้างร้านที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิดในฐานะผู้ให้การสนับสนุนอีกหลายแห่ง
จึงทำการตรวจสอบ พบหลักฐานการเขียนใบเสร็จเกินจริงโดยร้านเจ๊ะฆูฟาฏอนี
พบหลักฐานใบเสร็จ และเอกสารสั่งให้ดำเนินการออกใบเสร็จให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง
แนบอยู่กับใบเสร็จดังกล่าวด้วยว่าให้ซื้อสินค้ามูลค่า 720,258.52 บาท ยอดเขียนใบเสร็จ 1,772,495 บาท ซึ่งมีส่วนต่าง 1,052,236.48
ค่าบิล 84,158.90 บาท แสดงให้เห็นว่า
มีการร่วมกันกระทำการปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบิกงบประมาณจากรัฐและเมื่อทำการตรวจสอบไปยังโรงเรียนดังกล่าวก็พบหลักฐานที่ตรงกันกับที่ร้านเจ๊ะฆูฟาฏอนีออกให้จริง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและสอบปากคำไว้แล้ว
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี
เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่า
โรงเรียนบากงพิทยายังได้มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง
โดยจากการตรวจค้นพบว่า โรงเรียนบากงพิทยา ได้จ่ายเงินรายเดือนให้กับนายซาการียา
หัดสมัด ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงและเป็นผู้ก่อเหตุร้ายหลายคดี ประกอบด้วย
การก่อเหตุเผาหัวจ่ายน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยางเมื่อ 2 ก.พ.59 ก่อเหตุ
กราดยิงบ้านเรือราษฎรที่ริมถนนหมายเลข 43 แยกดอนยาง
อำเภอหนองจิกเป็นเหตุให้ราษฎรบาดเจ็บ 8 ราย เมื่อ 15 ก.ค.59 และก่อเหตุระเบิด/เผาสถานีบริการน้ำมัน
ปตท.ดอนยางเมื่อ 2 พ.ย.59 โดย
ถูกจับกุมเมื่อ
พ.ย.๖๐ ปัจจุบันถูกควบคุมตัวในเรือนจำอยู่ระหว่างดำเนินคดีปรากฏหลักฐานว่าโรงเรียนได้จ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้กับนายซาการียา
หัดสมัด ตั้งแต่ ปี 54 เรื่อยมาทุกเดือนจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ พบพฤติกรรมอำพรางในการสนับสนุนเงินผ่านบุคคลากรทางการศึกษาที่เป็นเครือญาติของ นายเมาลานา
สาเมาะ แกนนำสั่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ และ นายอับดุลสะตอปา สุหลง
แกนนำสั่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สำหรับ นายเมาลานา
สาเมาะ เป็นบุคคลที่ถูกสำนักงาน ปปง.ขึ้นบัญชีประกาศรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายอีกด้วย และน่าเชื่อว่า
มีการให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงรายอื่นๆ อีกหลายคนโดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านผู้ที่ถูกแอบอ้างเป็นบุคคลากรทางการศึกษาบางคนในโรงเรียน หน่วยที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบเฉพาะพื้นที่จังหวัดปัตตานี
พบหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีโรงเรียนบางแห่งที่มีพฤติกรรมทุจริตงบประมาณของรัฐ
เป็นมูลค่าความเสียหายของรัฐประมาณ ปีละไม่น้อยกว่า 700
ล้านบาท ทำให้เยาวชนที่อยู่ในวัยการศึกษาตามระบบการศึกษาภาคบังคับเสียโอกาสทางการศึกษา
หรือเสียประโยชน์อันพึงได้ ประมาณ ปีละ 101,000 คน คน
จากนักเรียนทั้งหมด165,072 คน
มีครูที่ได้รับการการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐเป็นค่าตอบแทนรายเดือน
เสียประโยชน์อันพึงได้ ประมาณ 4,000 คน ทั้งนี้
ประมาณการจากหลักฐานที่ปรากฏและการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง พบว่า
งบประมาณของรัฐได้ถูกใช้จริงเพียงร้อยละ 40
มีการทุจริตประมาณ ร้อยละ 60
จากเงินอุดหนุนการศึกษาของจังหวัดปัตตานี ปีละประมาณ1,260
ล้านบาท ถูกเบียดบังไปเพื่อประโยชน์โดยทุจริตประมาณ ปีละ 760
ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งน่าเชื่อว่าอำพรางด้วยรายชื่อของบุคคลากรทางการศึกษาซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานว่า
มีคุณวุฒิด้านใดและมีความเหมาะสมอย่างไร ทั้งนี้
พบว่าโรงเรียนบางแห่งมีพฤติกรรมให้การสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงอีกด้วย
ต่อข้อถามเกี่ยวกับโรงเรียนในพื้นที่ขณะนี้มีกี่โรงนั้น
พล.ต.จตุพร ระบุว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่าโรงเรียนที่เหมือนลักษณะเดียวกันและเป็นแหล่งบ่มเพาะมีจำนวน
6
แห่งที่มีเข้าข่ายทุจริตและเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรง
ทางกองทัพจะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมให้ชัดเจน ทาง ฉก.ปัตตานี
ขอความร่วมมือบุคลากร
ทางการศึกษาที่ถูกแอบอ้างชื่อเพื่อเป็นเส้นทางสนับสนุนความรุนแรง และถูกริดรอนสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับขอให้แจ้งมาทางเจ้าหน้าที่หรือตนโดยตรง
ตนจะเร่งเข้าช่วยเหลือโดยทันที
ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาฯได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยร่วมมือกับ ฉก.ปัตตานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น