22 พฤศจิกายน 2560

โจรใต้ – กลุ่มเสียผลประโยชน์ลอบระเบิดทหารช่างก่อสร้างเส้นทาง


 ทหารช่างที่เข้าดำเนินการซ่อมแซมถนนในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รอดตายจากเหตุลอบวางระเบิด ซึ่งโจรใต้ – กลุ่มเสียผลประโยชน์ในพื้นที่ได้ทำการลักลอบซุกซ่อนหมายสังหาร เดชะบุญระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มน้ำหนัก 20 กก. เกิดระเบิดขึ้นก่อนจากวงจรจุดชนวนเกิดลัดวงจรเนื่องจากฝนตก

จากเหตุระเบิดเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ย.60 บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างเทศบาลตำบล ปะลุรู อ.สุไหงปาดี กับบ้านโต๊ะเด็ง ม.1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ


เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. 60 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณรั้วลวดหนามสวนลองกองริมถนนของชาวบ้าน มีหลุมลึก 50 ซ.ม.กว้าง 100 ซ.ม. และมีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้ม หนัก 20 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและกระเด็นไปตกในสวนลองกองของชาวบ้าน เสาปูนซิเมนต์ที่ปักไว้ยึดลวดหนามของชาวบ้านหัก 1 ต้น ลวดหนามขาด 3 เส้น เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงให้การว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมาแต่ไม่หนักมากนัก จู่ๆประมาณเวลา 20.30 น.ของคืนวันที่ 20 พ.ย. 60 ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่คิดว่าเป็นยางรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังซ่อมแซมถนนสายดังกล่าวเกิดยางแตก จึงไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งมาช่วงเช้าพบมีร่องรอยของการเกิดระเบิดที่บริเวณริมรั้วสวนลองกองของชาวบ้าน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว


เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุระเบิดในครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มผู้ ผกร. ในพื้นที่ ทำการลักลอบนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางซุกซ่อนไว้ยังจุดเกิดเหตุ เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารช่างที่จะเข้าทำการซ่อมแซมถนนสายดังกล่าว และอาจเชื่อมโยงกับผู้ที่สูญเสียในเรื่องชองผลประโยชน์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเส้นทางในพื้นที่ไม่พอใจ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 37 เส้นทาง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในภารกิจลักษณะ “การเมืองนำการทหารช่าง” และ “สร้างถนนในใจประชาชน” ซึ่งในการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดใช้กำลังทหารช่างเข้าดำเนินเองทั้งหมด

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ระเบิดลูกดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้นก่อนนั้น อาจจะเกิดจากวงจรจุดชนวนระเบิดเกิดการลัดวงจร เนื่องจากในช่วงคืนดังกล่าวได้มีฝนตกลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดทหารช่างที่จะเข้าซ่อมแซมถนนในช่วงเช้ารอดหวุดหวิด


20 พฤศจิกายน 2560

จริงหรือ!!...ที่คนกล่าวหา NGOs นักวิชาการ คือตัวขัดขวางความเจริญของชาติ


NGOs ขายความกลัว เอาความไม่รู้.. มาทำการเคลื่อนไหว 
เพราะเมื่อผู้คนเกิดความกลัว ยิ่งรับรู้ถึงอันตรายต่างๆ ที่ NGOs 
นำมาขู่ให้ประชาชนเกิดความกลัว คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยจะเกิดจริตหวาดวิตกกังวล...

การนำสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นธรรมชาติในชุมชน ในพื้นที่นั้นๆ มาทำการสื่อถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่อยู่อย่างเรียบง่าย ชักจูงโน้มน้าวหากมีการปลูกสิ่งก่อสร้างในพื้นที่จะทำให้เกิดมลพิษ มลภาวะกระทบกับการใช้ชีวิตของผู้คน ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งอยู่บนสมมติฐานของความกล้วเพื่อจูงใจให้ผู้คนเห็นด้วยกับแนวความคิดของ NGOs หากจะโฟกัสการทำงานของนักสิทธิเหล่านี้จะมีความเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มต่างๆ ทั้งในประเทศ ต่างประเทศซึ่งเป็นเครือข่ายที่ทำงานร่วม การเคลื่อนไหวส่งเสียงเรียกร้องเล็กๆ ในประเทศหนึ่งแต่ดังไกลไปยังต่างประเทศ อาจจะเข้าตามีการตบรางวัลในฐานะนักสิทธิผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมดีเด่น ดูดเงินทุนที่ใช้ในการเคลื่อนไหวจากองค์กรระหว่างประเทศมาใช้สอย หากจะมองในแง่ของการสนับสนุนในประเทศไทยเราเองก็ยังมีเงินกองทุนให้ NGOs นำไปเผาผลาญเล่น ซึ่งวัตถุประสงค์กับเงินที่ได้รับจะมีความโปร่งใสในการนำไปใช้จ่ายหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบแทนได้แต่คงเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนจะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินองค์กรบางองค์กรอย่างถี่ถ้วน

ยิ่งยุคสมัยนี้....ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไหร? อย่างไร? ข้อมูลข่าวสารไปเร็วยิ่งกว่าจรวด หากแกนนำ NGOs ทั้งหลายที่ต้องการจะสื่อเรื่องจริงหรือไม่จริง.. ด้วยการส่งผ่านสื่อโซเชียลมีเดียแปปเดียวเป็นที่รับรู้ของคนทั้งโลก จึงไม่แปลกและเอ๊ะใจสักเท่าไหร่ที่เห็นนักเคลื่อนไหวหลายคนเดินสายเข้าร่วมประชุมยังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง โดยได้รับ ตั๋วเครื่องบิน กิน ที่พักฟรี เป็นกำไรชีวิตที่คนอย่างเราๆ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิดใฝ่ฝัน บางคนเมื่อชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักมักคุ้นของผู้คนกลับทำตัวหยิ่งยโสโอหัง ใครแตะนิดแตะหน่อยเป็นไม่ได้ เดี้ยนคือนักสิทธิผู้ยิ่งใหญ่ แอ๊ะ!! อะไรกันวันวานยังเป็นแค่คนกระจอกงอกง่อยอยู่เลย วันนี้ทำไมถึงยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่เอาเถอะ!! ถือว่านักสิทธิเหล่านี้เค้าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งที่ผันตัวเองให้เป็นคนชั้นกลางใช้ชีวิตติดหรู แต่ในความเป็นนักสิทธิบางครั้งหากจะวัดผลงานยังไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเลย.. บางคนเป็น NGOs มานาน จนยกระดับฐานะตัวเองเป็นคนมีอันจะกิน เดินทางช๊อปปิ้งต่างประเทศเป็นว่าเล่น เลยมีคนตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้งนักสิทธิเหล่านี้เอาเงินจากไหนมาใช้สอย....

หากมองผิวเผินเหมือนจะดีแทบไม่มีที่ติ แต่แกนในใครเล่าใคร่จะรู้ว่ามันกลวง เราคงต้องระมัดระวัง.. กับดักทางสังคม เป็นเครื่องมือให้คนเหล่านี้ เป็นบ่าเป็นไหล่ให้ NGOs เหยียบเพื่อยกระดับตนเอง เฉกเช่นกรณีการรณรงค์คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หากคนทั่วไปไม่รู้เบื้องลึกในการกิจกรรมเปิดเวทีเสวนาต่างๆ ในภาพรวมซึ่งดูแล้วเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์กระทำเพื่อสังคม เพื่อชุมชน เพื่อพี่น้องชาวเทพา และมีเจตนาดีต่อประเทศชาติในส่วนรวม แต่ในความจริงที่ถูกซ่อนอยู่กลับทำเพื่อ... ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ ยังมีความจริงที่ยังไม่ถูกกล่าวถึง อีกทั้งความจริงที่มีการบิดเบือน จนกระทั่งไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ โดยเฉพาะความต้องการใช้พลังงานของประเทศชาติในการพัฒนาพื้นที่ไปสู่ความเจริญรอบด้าน แต่กลับถูกค้านอ้างหน่วยงานภาครัฐ และการไฟฟ้าฝ่ายการผลิตแห่งประเทศไทยมีการหมกเม็ดข้อมูล แล้วจากความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี หากไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าไม่เพียงพอในพื้นที่ภาคใต้ ใครรับผิดชอบ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบย่อมรู้ดี แต่ไม่มีใครสนใจ มัวแต่ถูกหลอกให้ค้านการสร้างไฟฟ้าว่าทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียมีการพัฒนาไปไกล กับโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินใสสะอาด ขณะที่เรายังจมปลักอยู่ที่เดิมทะเลาะกันเองยังไม่รู้จบ หาก NGOs ว่างมาก จัดกรุ๊ปทัวร์ไปศึกษาดูงานประเทศอื่นให้เห็นกับตาดีกว่ามั๊ย!! ไม่ต้องมานั่งมโนแล้วค้านอย่างหัวชนฝาอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ได้อะไร

หากยังเป็นอยู่เช่นนี้ การพัฒนาด้านอื่นๆ คงติดขัด คงไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่ NGOs สักแต่ค้าน สร้างปมให้รัฐตามแก้ ไม่สร้างสรรค์และเกื้อหนุนการทำงาน ประเทศไทยปล่อยให้ NGOs เคลื่อนไหวอย่างอิสระ และกระทำตามอำเภอใจมานาน จนฝังรากหยังลึกเข้าไปทุกที คอยขัดแข้งขัดขาเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จนกระทั่งลืมนึกถึงผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวม สร้างความแตกแยกทางความคิดของคนในชาติ รับเงินต่างชาติทำลายผลประโยชน์ของประเทศ แล้ว NGOs เหล่านี้ยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า หากทำหน้าที่ของการเป็น NGOs อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันศึกษาหาวิธีอุดช่องโหว่ ให้คำชี้แนะที่ไม่ดีนั้นเป็นอย่างไร? น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่เยอะว่ามั๊ย!! #เหนื่อยหน่ายเต็มทีกับพฤติกรรม NGOs บางกลุ่ม แล้วประเทศไทยมี NGOs ไว้ทำห่าอะไร!!

19 พฤศจิกายน 2560

เมื่อแกนนำโจรใต้“หักหลัง”สั่งการให้สมาชิกก่อเหตุแล้วไม่ให้เงิน


จากสถิติการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชาชนให้ความร่วมมือแจ้งข่าวสารเบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การติดตามจับกุม และขยายผลจนสามารถยึดอาวุธและวัตถุระเบิดที่เตรียมไว้ก่อเหตุจำนวนมาก  แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์จากการปฏิบัติงานด้านมวลชนของฝ่ายความมั่นคงว่ากำลังเดินหน้าไปด้วยดี  ขณะที่ดูเหมือนว่าข้างฝ่ายขบวนการ และผู้ก่อเหตุรุนแรงก็กำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจากเหตุผลหลายประการ  
     
         ความเบื่อหน่ายเอือมระอากับพฤติกรรมเลวๆ ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงของชาวบ้านที่ต้องทนใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่แบบหวาดระแวง  และสุ่มเสี่ยงที่จะโดนหางเลขจากการก่อเหตุร้ายนี่เป็นเหตุผลแรก  เพราะดูเหมือนว่าในระยะหลังๆ มานี้ การก่อเหตุทั้งลอบยิง วางระเบิด วางเพลิง เป็นไปในลักษณะต่างฝ่ายต่างทำโดยไม่มีทิศทาง  เนื่องจากโจรเหล่านี้มีหลายกลุ่มที่ต่างฝ่ายต่างก็พยายามสร้างผลงานเพื่อให้เกิดการยอมรับจากผู้ให้การสนับสนุนเงินให้กับกลุ่มของตน

         อีกประการคือความไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะโดยใช้การก่อเหตุรุนแรงได้  เพราะยิ่งนับวันกระแสการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่กลับมีมากขึ้น ขณะที่สมาชิกของขบวนการเริ่มลดจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งจากการถูกจับกุม และการหันหลังให้ขบวนการเนื่องจากไม่เห็นประโยชน์ที่จะสู้ต่อไป

เช่นเดียวกัน ในด้านของความเคลื่อนไหวขององค์กรในต่างประเทศต่อกรณีปัญหาการก่อเหตุรุนแรงในภาคใต้ของประเทศไทยมีท่าทีไม่เห็นด้วย องค์การนิรโทษกรรมสากลซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ  ได้ออกมากล่าวประณามว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม  ทำร้ายสังหารประชาชน  เป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจมุ่งโจมตีต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง  ซึ่งนี่ส่งผลกระทบต่อขบวนการเป็นอย่างมาก  เพราะเมื่อไม่ได้รับการยอมรับ  ก็ย่อมไม่ได้รับการสนับสนุนเงินจากประเทศมุสลิมต่างๆ  ด้วยเช่นกัน

จากหลายเหตุผลข้างต้นทำให้มีผู้ก่อเหตุรุนแรงและแนวร่วมจำนวนมากเข้ารายงานตัวและมอบตัวต่อฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง  พร้อมด้วยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับขบวนการจนสามารถขยายผลการจับกุมอย่างได้ผลดี

คำสารภาพหนึ่งที่ผู้เข้ารายงานตัวทุกคนกล่าวตรงกันคือ  ทุกครั้งที่มีการก่อเหตุรุนแรง  ผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือผู้นำตั้งแต่ระดับสั่งการไปจนถึงผู้นำที่อยู่ต่างประเทศ  เงินสนับสนุนจำนวนมากทั้งจากต่างประเทศและกลุ่มธุรกิจผิดกฏหมายที่มีผลประโยชน์ร่วมกันหลั่งไหลเข้ากระเป๋าบรรดาแกนนำและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย  แต่สมาชิกระดับปฏิบัติการหรือ  RKK กลับถูกหลอกใช้งานที่ต้องเสี่ยงชีวิต  หลายรายถูกเจ้าหน้าที่ฆ่าตาย  บางรายถูกติดตามจับกุมต้องติดคุก  หรือบางรายต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่มาเลเซีย  ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ ไปวันๆ  ที่แย่ที่สุดคือ  เมื่อเงินไม่ถึงมือผู้ปฏิบัติก็จนตรอกถึงกลับต้องใช้วิธีปล้นสะดมชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงปล้นทรัพย์จากชาวบ้านเอาดื้อๆ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ที่ยืนยันได้ชัดเจนว่ามีความขัดแย้งกันเรื่องเงินในขบวนการนั้นคือ  เมื่อปี 54 ได้มีการจัดการประชุมกลุ่ม BRN.Coordinate   ที่โรงเรียนปอเนาะขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่รู้จักกันในกลุ่มคือ  “ยี่ลง” ในเขตตลาดเก่าจังหวัดยะลา โดยที่ประชุมได้พูดถึงการคอรัปชั่นของระดับแกนนำซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของปอเนาะ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม  โดยการนำเงินที่ได้รับการสนับสนุนไปใช้ส่วนตัว  ทำให้เงินนั้นไปไม่ถึงสมาชิกระดับปฏิบัติการ หรือเรียกง่ายๆว่า “หักหลัง” กัน  เพราะเมื่อสั่งการให้สมาชิกก่อเหตุแล้วไม่ให้เงิน  ทำให้ RKK เริ่มท้อแท้หมดกำลังใจ

ล่าสุดแกนนำระดับสั่งการของขบวนการได้ออกมาประกาศก้องว่า  “ใครวางระเบิดในเขตเทศบาลยะลาได้จะให้รางวัล 500,000 บาท และปืนพกอีก 6 กระบอก” ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุให้เกิดคาร์บอมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจกลางเมืองยะลาซึ่งสามารถสะท้อนให้เห็นว่าอุดมการณ์ ที่พวกเขากล่าวอ้างว่าทำเพื่อเรียกร้องเอกราช  เพื่อประชาชนชาวมลายูมุสลิมนั้นแท้จริงแล้วเป็นอุดมการณ์จอมปลอมที่ทำเพื่อสิ่งตอบแทน

การก่อเหตุทุกครั้งนั้นสิ่งที่มุ่งหวังคือเศษเงินรางวัลจากแกนนำที่แลกมาด้วยชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า  ส่วนเงินที่เหลือ อีกมหาศาลนั้นบรรดาผู้นำทั้งหลายต่างก็นำมาใช้เสวยสุขอย่างหรูหราสุขสบายทั้งในต่างประเทศและในประเทศ ลองไปดูบ้านของแกนนำแต่ละคนดูซิว่าใหญ่โตโอฬารขนาดไหน โรงรถที่มีรถยุโรปหรูจอดเรียงราย  ทั้งๆ ที่ประกอบอาชีพเพียงขายนมแพะ หรือเป็นนักการเมืองตกกระป๋องเลยหันมาเอาดีด้วยหลอกใช้คน 

ส่วนของ RKK ก็ยังต้องก้มหน้าก้มตาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแล้วก็หนีต่อไป  ลองคิดดูซิว่า  คนในขบวนการที่ว่ายึดมั่นอุดมการณ์นักหนา  แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างไร  สุดท้ายแล้วคนที่จะต้องถูกจับกุมติดคุกนั้นคือใคร  แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้นำของท่านหรอก 

ที่สำคัญจากการที่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนไว้ทำให้วันนี้ประชาชนเค้าไม่เอาด้วยแล้ว  จะสู้ไปเพื่ออะไร  เพื่อกอบกู้เอกราชที่มองยังไงก็มองไม่เห็นงั้นหรือ  ตื่นจากความฝันกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ลูกเมีย  กลับไปใช้ชีวิตแบบสงบสุขดีกว่า

----------------

17 พฤศจิกายน 2560

รวบเครือข่ายโจรใต้ที่สตูล พร้อมปืน M 16 และเครื่องกระสุน ผู้ต้องหาตามหมายจับหนีรอดไปได้


สตูล-เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสตูล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5-6 คน อาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล และมีพฤติกรรมต้องสงสัย


เจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบกลุ่มวัยรุ่น 5-6 คน อยู่บนรถยนต์ สีเทา จอดอยู่ ห่างจากบ้านประมาณ 5 เมตร จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็น ต่างพากันทยอยกันเดินเลี่ยงและวิ่งหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ 1 คน คือนายฮีซาม มอซู อายุ 27 ปี 


ทั้งนี้จากการตรวจค้นบ้านและบริเวณโดยรอบ พบกระเป๋าสะพายหลังสีดำจำนวน 1 ใบ วางอยู่ติดกับผนังบ้าน แต่เมื่อเปิดออกก็พบ อาวุธปืน M 16 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน 68 นัด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย



เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้นั่งรถยนต์คันกล่าวมาพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน เพื่อมารับเพื่อนอีก 3 คน ที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่ง 1 ในนั้นคือนายซอบรี หลำโสะ ผู้ก่อการร้ายที่มีหมายจับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

14 พฤศจิกายน 2560

เมื่อกลุ่มโจรใต้ในคราบนักศึกษาอ้างสันติ..แล้วสันติคืออะไร..???


สันติคืออะไร..???
- แบ่งแยกดินแดน คือ สันติ?
- เข่นฆ่าผู้คน คือ สันติ?
- ยินดีเมื่อเจ้าหน้าที่/ชาวบ้านตาย คือ สันติ?
- ยินร้ายเมื่อโจรเพลี่ยงพล้ำ คือ สันติ?

กลุ่มโจรใต้ในคราบนักศึกษาก็อ้างสันติ กลุ่มที่เรียกตนว่าผดุงความยุติธรรมก็อ้างสันติ สื่อโจรใต้ก็อ้างสันติ
ล่าสุดกลุ่มเครื่อข่ายผดุงธรรมสันติก็ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงการควบคุมตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดเกาะสมุย ก็อ้างสันติ
ซึ่งประวัติของนายมูหาหมัดยากีฯ นั้น เจ้าหน้าที่เคยจับกุมในข้อหาร่วมกันฆ่าแล้วเผานายมนูญ ศรแก้ว ผอ.โรงเรียนในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อปี 2550 แต่ในกระบวนยุติธรรมไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ จึงสู้คดีพ้นข้อหา ซึ่งจากการสืบสวนในเชิงลึกพบว่า มีความสัมพันธ์กับนายอุบดุล สาแม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งถูกระบุว่า เป็นมือประกอบระเบิดในครั้งนี้ โดยมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ระเบิดที่ใช้ในการทำเป็นคาร์บอมบ์ประกอบในพื้นที่ จ.ปัตตานี ไม่ได้มีการประกอบในระหว่างทางในเขต จ.นครศรีธรรมราช อย่างที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานในครั้งแรก
บทเรียนในอดีตก็พบในปัจจุบันหลายกรณีว่าผู้ที่ถูกปล่อยตัว หรือศาลไม่สามารถเอาผิดได้ ต่อมาก็กลายเป็นศพเนื่องจากซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ หรือปะทะกับเจ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั่งลอบสังหารชาวบ้านก็มีโดยกลุ่มที่อ้างผดุงธรรมสันติเรียกร้องดังนี้

1. ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการของกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่มีทัศนคติในด้านลบต่อกลุ่มเพื่อนจำเลยในคดีความมั่นคง

2. ขอให้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง โดยหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขสร้างชนวนของความขัดแย้งจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ต่อไป

3. ขอเรียกร้องให้ภาครัฐนำข้อเท็จจริงจากภรรยาและครอบครัวของนายมูหาหมัดยากี สาและ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประกอบเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับนายมูหาหมัดดยากี สาและ ด้วย

4. หากภาครัฐพิสูจน์ทราบอย่างชัดเจนนายมูหาหมัดยากี สาและ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะสมุย ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการปล่อยตัวนายมูหาหมัดยากี สาและ ให้เป็นอิสระโดยทันทีและให้มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจถูกต้องต่อประชาชนทั่วไปและเป็นการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของนายมูหาหมัดยากี สาและ ด้วย

กลุ่มอ้างสันติอย่าสักแต่เรียกร้อง การควบคุมตัว "ผู้ต้องสงสัย" คือ กระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงถ้าไม่มีความเชื่อมโยงก็ปล่อยตัว อย่าเพิ่งกินปูนร้อนท้อง

!!....เดี๋ยวจะเงิบเหมือนกลุ่ม PerMAS "ปล่อยเพื่อนเรา" (ที่ตอนนี้เพื่อนเราสารภาพว่าเป็นมือระเบิดไปแล้วนะ PerMAS รู้ยัง?)...

“แบดาอี”คนดีแห่งรามัน กับความหวาดกลัวของกลุ่มขบวนการ


เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เวลาประมาณ 20.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รามัน รับแจ้งเหตุได้มีผู้ถูกลอบยิง ทราบชื่อภายหลังว่า นายอายุ อาแว ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสนำส่ง รพ.รามัน และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายอายุ อาแว หรือ “แบดาอี” อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.5 ต.ยะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเดินทางกลับจากการละหมาดที่มัสยิดยาแมะตีบุ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ขณะที่แบดาอีขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่บ้านพักและกำลังนำจักรยานยนต์ไปเก็บอยู่นั้น คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ไม่ทราบสี ยี่ห้อและแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด และใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงแบดาอีจากด้านหลัง จำนวน 3 นัด โดยกระสุนนัดแรกถูกบริเวณขาซ้าย นัดที่ 2 บริเวณไหล่ซ้าย และนัดที่ 3 เจาะเข้าบริเวณซี่โครงด้านขวา ถูกนำตัวส่ง รพ.รามัน แพทย์พยาบาลทำการผ่านำหัวกระสุนออกแต่ในเวลาต่อมาได้เสียชีวิตลง


จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นการกระทำที่อุกอาจของคนร้ายที่มุ่งต่อชีวิต ซึ่งผู้คนในพื้นที่ อ.รามัน และคนส่วนใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่รู้จัก “แบดาอี” ที่ได้รับทราบข่าวต่างรู้สึกเสียใจและอาลัยอย่างยิ่งต่อการจากไปของ นายอายุ อาแว เป็นอย่างมาก เนื่องจาก นายอายุ อาแว หรือ “แบดาอี” เป็นผู้ที่ขยันทำงานช่วยเหลือสังคม เป็นผู้ที่เสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม อีกทั้งยังให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่รัฐต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี

การสูญเสีย “แบดาอี” ในครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นบุคคลที่ยึดมั่นและศรัทธาต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามที่แท้จริง ซึ่งนอกจากเป็นบุคคลที่ยึดมั่นศรัทธาในหลักคำสอนทางศาสนาที่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับนับถืออย่างกว้างขวาง ของคนในพื้นที่และบุคคลทั่วไปอีกด้วย


จากการสูญเสียคนดีที่ชื่อ “แบดาอี” ในครั้งนี้ นับเป็นการสูญเสียวีรบุรุษรามันคนสำคัญโดยตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา “แบดาอี” เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนช่วยในการสร้างความเข้าใจต่อผู้คนในพื้นที่ ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการรณรงค์และประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ของภาครัฐให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเข้าใจนำไปสู่ความร่วมมือในทุกมิติ

การกระทำของคนร้ายในครั้งนี้คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.รามัน เนื่องจากต้องการทำลายคนดีซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับคนส่วนใหญ่ และแสดงความสุดโต่งด้วยการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกัน อยากเรียกร้องไปยังแกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้ลงมือกระทำในครั้งนี้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม “จากผู้ที่ทำลายเป็นผู้สร้าง” เพราะผู้ที่ทำร้ายประชาชนคือผู้ทำลายสันติภาพ และสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้


ในสังคมปัจจุบันนี้การอยู่ร่วมกันนั้น ทุกคนต้องช่วยกันยกย่องเทิดทูลผลักดันคนดี และต้องช่วยกันขับไล่กดดันให้พวกคนเลวให้ออกไปจากสังคมที่ดีที่สวยงามของเรา จากนี้ไปคุณงามความดีของ  นายอายุ อาแว หรือ “แบดาอี” ที่ท่านได้ทำความดีให้กับพี่น้องจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ และจะนำพาท่านสู่สวรรค์ พวกเราชนรุ่นหลังขอสดุดีให้ท่าน เป็น “วีรบุรุษรามัน” คนดีที่ดำเนินตามแนวทางของนบีตลอดไป
———————

เปิดชีวิตใหม่ นายอาหามะ ดือเระ หลังเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน


นายอาหามะ ดือเระ หลังจากได้รายงานตัวต่อแม่ทัพภาคที่ 4 เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการยุติธรรมขั้นตอนของกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้ให้การดูแลช่วยเหลือในเรื่องของการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิต และสามารถดำรงชีพในสังคมอย่างปกติสุข อยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุขไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

ที่ผ่านมา นายอาหะมะ ดือเระ ต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนตัวและต้องหนีเจ้าหน้าที่มาประมาณ 8 ปีเต็ม ซึ่งเบื่อหน่ายต่อการใช้ชีวิตดังกล่าวเต็มที แถมมีแม่ที่อายุมากแล้ว และที่ผ่านมาแม่กับพี่ชายเคยขอร้องให้ตนเองออกมารายงานตัว แต่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งหลังจากที่ได้เข้ารายงานตัวกับแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว ตนเองได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ตนเองรู้สึกดีใจที่หน่วยงานภาครัฐมีความจริงใจ และตนเองมีความมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และอยากเรียกร้องไปยังบุคคลที่ยังคงหลบหนีอยู่ ขอให้รายงานตัวเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ดีกว่าจะต้องหลบหนี และจะต้องทนอยู่กับผู้นำองค์กรที่ขาดความจริงใจ ต้องอดมื้อกินมื้อ ยามเจ็บไข้ไม่ไม่สบายไม่มีกระทั่งหยูกยารักษาตัว..

สำหรับกรณีที่มีผู้นำชื่อ อาหะมะ ลือแบซา พร้อมรูปภาพของตนไปทำการเผยแพร่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเหตุวางระเบิดที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลานั้น เป็นการแต่งเรื่องขึ้นมา
น่าจะเป็นความต้องการโจมตีโครงการพาคนกลับบ้าน ของผู้ไม่หวังดีอีกเช่นเคย ซึ่งตนเองชื่อ อาหะมะ ดือเระ ซึ่งชื่อเหมือนกันแต่คนละนามสกุล สำหรับพี่น้องที่เห็นต่างยัง สามารถขอเข้ารายงานตัวได้ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 09-2532-4989 ซึ่งเป็นเบอร์พิเศษของแม่ทัพภาคที่ 4

13 พฤศจิกายน 2560

พลเมืองดีแจ้งพบที่ซุกซ่อนปืน โจรใต้ปล้นปล้นพันพัฒนา 4 ปี 47



เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 พ.ย. 60 นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส พันตำรวจเอก ภักดี ปรีชาชน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครอง จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการณ์ เดินทางเข้าทำการพิสูจน์ทราบภายในสวนยางพาราบ้านละหาน ม.8 ต.ปะลุรู หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี พบแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืนสงครามของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้เดินเท้าไปตามถนนในร่องสวนยางพารา ห่างจากถนนในหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร พบอาวุธปืนเอ็ม.16 เอ 1 มีส่วนของลำกล้องปืนโผล่ออกมาจากพงหญ้าในลำธาร เมื่อนำออกมาพบว่าอยู่ในสภาพขึ้นสนิมไม่สามารถใช้งานได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการขูดสนิมออกจากตัวปืน พบอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มีหมายเลขทะเบียนปืน 9542963 ซึ่งคนร้ายได้บุกขโมยไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547

ต่อมา นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี และ พันตำรวจเอก ภักดี ปรีชาชน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี จึงได้ร่วมกันวางแผนในการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เดินหน้ากระดานในรัศมี 50 เมตร เพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าพื้นที่ดังกล่าวในอดีตเคยเป็นแหล่งซ่องสุมและซุกซ่อนอาวุธของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยเน้นตรวจสอบบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบเสื้อเกราะสีดำ รุ่นบางระจัน จำนวน 1 ตัว ที่ซุกซ่อนอยู่ไว้ในพงหญ้าที่รกทึบ ห่างจากจุดพบอาวุธปืน เอ็ม.16 ประมาณ 100 เมตร ซึ่งอยู่ในสภาพแผ่นเหล็กที่ใช้เป็นเกราะกันกระสุนขึ้นสนิม และยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 5 ปลอก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าด้านหน้าของเสื้อเกราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ละความพยายามเดินหน้ากระดานออกไปจากจุดที่ 2 ประมาณ 30 เมตร พบถุงพลาสติกสีขาวมีสภาพเปื่อย ภายในบรรจุสายไฟฟ้าสีขาวไว้ จำนวน 2 ขด ซึ่งคาดว่า คนร้ายใช้สายไฟฟ้าดังกล่าวไปต่อวงจรกับตัวจุดชนวนระเบิด หลังเสร็จภารกิจเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้ง 3 รายการ มายัง สถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี เพื่อประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาทำการตรวจสอบของกลางดังกล่าว เผื่อที่จะสามารถขยายผลไปสู่กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้

ด้านนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี เปิดเผยว่า สถานที่ดังกล่าวสันนิษฐานกลุ่มผู้ไม่หวังดี เคยใช้เป็นสถานที่ซ่องสุม ซุกซ่อนอาวุธและวางแผนก่อเหตุร้าย แต่หลังจากสมาชิกกลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าว อาจจะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความระส่ำระสายและแยกย้ายกันหลบหนีออกจากพื้นที่ และได้ทิ้งของกลางทั้ง 3 ไว้ จนชาวบ้านมาพบเห็นดังกล่าว

Habib kodae Kayuh bicycle setahan sebulan dalam 11 negara Aseans


นายฮาบิ๊บ คอเแด๊ะ หรือ ชื่อตามเฟสบุค คือ "Habib IbnAbdulrahim Kodae" เด็กหนุ่มมลายูจากเมืองในหมอก อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้สร้างปรากฏการใหม่ โดยเป็นเด็กมลายูคนแรก และเป็นคนไทยคนแรกก็ว่าได้ที่ได้ควงจักรยานคู่ใจ 🚵ปั่นทำตามความฝันอันแรงกล้าตามที่ตัวเองได้ตั้งใจ
โดยได้เริ่มปั่น🚵จากใต้สุดเมืองเกิดของตัวเอง สู่เหนือสุดของประเทศไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อด้วยกับการปั่นต่อเนื่องกับอีก 10 ประเทศอาเซียน และอีก 1 ประเทศผู้สังเกตุการณ์ และได้ปั่นกลับมาถึงบ้านเกิดตัวเอง โดยใช้เส้นทางข้ามเขตแดนที่เมืองเบตงอย่างปลอดภัย เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดยมีการต้อนรับจากครอบครัวและเพื่อนๆอย่างอบอุ่น



•••เพิ่มเติม•••ข้อความจากใจนักปั่น
Assalammualakum
สวัสดีครับ
ผมบิ๊บ ฮาบิ๊บ คอแด๊ะ
ปั่นจักรยานมา 1 ปี 1 เดือนกว่า ครบรอบ 11 ประเทศอาเซียน
*🇹🇭🇱🇦🇻🇳🇰🇭🇲🇲🇲🇾🇵🇭🇧🇳🇮🇩🇸🇬🇹🇱*
(10ประเทศอาเซียน 1ประเทศผู้สังเกตการณ์)
มีความประสงค์จะแจ้งให้ทราบว่า ผมจะเดินทางกลับเข้าประเทศไทยทางด่านเบตง ในตอนเย็นวันวันเสาร์ ที่ 11/11/17
และมีกำหนดปั่นจากเบตง กลับเข้ายะหาในวันอาทิตย์(หากมีใครพี่ๆเพื่อนๆอยากจะปั่นด้วย)หรือวันจันทร์(*หากร่างกายล้า)
หากมีพี่น้องเพื่อนๆท่านใดต้องการปั่นร่วมทางสุดท้ายก่อนถึงบ้านผ ระยะทาง 120+กิโล สามารถแจ้งเพื่อวางแผนการปั่นร่วมกันได้ครับ
ส่วนใครที่จะมาเจอกันในวันเสาร์ก็สามารถไปรอที่เขตแดนด่านไทย-มาเล ตอน 4โมงได้เลยครับ
ปล.ไม่มีอะไรจะให้เป็นของที่ระลึกนอกจากร่วมเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ของชายอ้วนคนหนึ่ง
ขอบคุณครับ

Hi
Saya bib Habib kodae
Kayuh bicycle setahan sebulan dalam 11 negara Aseans
Mau nak bagi tau "saya ada rancagan nak pulak balik ke thailand hari sabtu tanggal 11/11/17 di batasan betong-pengkalang hulu"
Dan ada rancagan nak kayuh balik kampong dari Betong ke Yaha 120km+ hari ahad minggu (kalau ada orang mau nak ekot) atau hari senin (kalau tenega tak kuat rehat 1hari)
Kalau ada saudara yang mana mau ekot boleh kita planing sama sama
Sudah siapa mau nak hantar atau jumpa ketemu di jalan hari jumaat inshallah saya rehat malam sabtu di Gerik dan pagi hari sabtu terus jalan keluar border agak pentang jam 4 inshaallah sampai di batas
*Yang hari sabtu ni sata tak ada apa apa untuk bagi buat kenagan tapi kita boleh ambil photo sama kita untuk jadi semangat atau jadi 1 dalam story hidupan saya
Trimakasih
Hi
I'm bib or Habib kodae
Thai cyclist 1 year 1year and 11 country of Aseans
I want to share my last route in trip
My plan back to Thailand from Malaysia in saturday 11/11/17 in this week at Betong-pengkalang hulu border
And my plan back to home in Yaha on sunday(if have someone need to join on the road) or monday (if be tired)
If someone need to join from Betong to Yaha distance 120km+ can join planing together
And who want to pick up meet and send me can you wait me at line of border Thai-malay 4p.m. but in friday i stay at gerik 1night in moring go to border
*Actually in saturday if you want to come for something i sorry becuase no have thing
But if you come for meet and greet it great welcome and you are the one in story life me
Stay in memory
Thank you
with love Habib
ด้วยรัก ฮาบิ๊บ


12 พฤศจิกายน 2560

กลุ่มขบวนการโจรใต้กับขบวนการค้ายาเสพติด - น้ำมันเถื่อน


ปัญหาภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ จชต. ซึ่งได้แก่ปัญหายาเสพติด น้ำมันเถื่อน สินค้าลักลอบหนีภาษีซึ่งไหลทะลักเข้ามายังพื้นที่ได้เป็นตัวก่อและหนุนเสริมการแก้ปัญหาไฟใต้ ซึ่งกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายกลุ่มต่างๆ ได้มีความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับกลุ่มโจรใต้ชนิดแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว...

หากจะกล่าวถึงเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งการค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน และยาเสพติด มีกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ ก่อความไม่สงบในพื้นที่เป็นเอเย่นต์ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่อยู่ในรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จะเป็นพื้นที่หาเงินทุนเพื่อใช้ในการก่อเหตุของกลุ่มโจรใต้

ทั้งนี้เครือข่ายธุรกิจเถื่อนจะมีการแบ่งหน้าที่ออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายซุลกิฟลี มานะ ที่จะคอยสั่งการ และกำหนดจุดก่อเหตุ พร้อมแบ่งหน้าที่การทำงานให้กับคนในขบวนการ ทั้งการปล้นรถยนต์ของชาวบ้าน และจัดหาอาวุธ ก่อนส่งมอบพาหนะให้กับ แกนนำคนสำคัญ 

นอกจากนี้ยังมีการสั่งการไปยังแนวร่วมในพื้นที่ ให้นำรถไปดัดแปลง ประกอบระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อทำการก่อเหตุในจุดที่กำหนดไว้แล้ว สำหรับเปิดทางให้กับขบวนการค้าของเถื่อนผิดกฎหมาย การก่อเหตุแต่ละครั้ง มีกลุ่มนายทุนและนักธุรกิจผิดกฎหมายรายใหญ่ในจังหวัดปัตตานี คอยช่วยเหลือสนับสนุน ด้านการเงิน 

สำหรับเส้นทางการเงิน ของเครือข่ายผู้ก่อความไม่สงบ และกลุ่มทุน ได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นแหล่งผลิตและถูกจับกุมหลายครั้ง ทั้งนี้การจับกุมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตัดท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ คือภัยแทรกซ้อนสำคัญที่ยังคงโหมกระแสความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในทุกวันนี้.. อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ในการจัดซื้ออาวุธ อุปกรณ์ประกอบระเบิดในการก่อเหตุลอบทำร้ายประชาชน.. นอกเหนือจากการมอมเมากลุ่มเด็กและเยาวชนให้ตกเป็นทาสยาเสพติด ภัยแทรกซ้อนและกลุ่มโจรใต้คือมัจจุราชร้ายที่ทำลายสังคม ทำลายอนาคตลูกหลานพี่น้องเราอย่างแท้จริง...

10 พฤศจิกายน 2560

แนวร่วมป่วนใต้กับการบิดเบือนข่าวสารใน จชต. ความพยายามที่สิ้นหวัง

"ซอเก๊าะ  นิรนาม"

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 เหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับโจรใต้ที่มาหลบซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านเจาะโบ ม.1 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายอยู่นั้น ทราบจากเจ้าของบ้านว่ามีผู้ต้องสงสัยอยู่ในบ้าน จำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเจรจา ซึ่งมีผู้นำศาสนาร่วมกันเกลี่ยกล่อมเพื่อให้เข้ามอบตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง แต่ผู้ต้องสงสัยกลับใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่จนเกิดการปะทะกันขึ้น ในที่สุดคนร้ายเสียชีวิตทั้งคู่ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายอาลียะ อาหะแม  และ นายกาดาฟี ตามะแซ
          ในเวลาต่อมาสื่อแนวร่วมได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาว่าเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตุจากภาพแม็กในตัวปืนแยกออกจากกัน ในความเป็นจริงแล้วเป็นขั้นตอนการตรวจสอบอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่ทำการถอดแม็กออกจากปืนเพื่อความปลอดภัย และได้นำมาวางไว้เพื่อสะดวกในการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และในที่เกิดเหตุโดยทั่วไปไม่มีใครรู้หรอก ว่าแม็กเป็นของอาวุธปืนกระบอกไหนเมื่อทำการถอด แต่ตามหลักสากลทั่วโลกสามารถใช้ร่วมกันอยู่แล้ว หากมองหลักความจริงคงไม่มีแค่กระสุน 2 แม็กหรอก จะต้องมีกระสุนและแม็กสำรองติดตัวไปด้วยเสมอ
นับวันการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างเว็บไซต์ และเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ด้วยข้อมูลทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดูจะมีการขยายตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกับกลุ่มแนวร่วม  ของฝ่ายก่อเหตุรุนแรงได้มีการใช้ประโยชน์ด้วยการบิดเบือนข่าวสารที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งบางส่วนด้วยการนำเสนอด้านเดียวและการบิดเบือนทั้งหมดชนิดที่ว่าได้อ่านแล้วเกิดอาการสับสนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เคยสงบสุขมาช้านานแห่งนี้ได้อย่างไร?
          โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังปรากฎเงื่อนไขสนับสนุนจากความแตกต่างที่เป็นตัวเร่งให้เกิดเหตุรุนแรงซึ่งมีความเปราะบางเช่นจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้
ด้วยความที่เป็นสื่อที่สามารถนำส่งข่าวสารที่รวดเร็ว และสร้างการรับรู้ได้อย่างที่วันนี้อาจเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด ทำให้องค์กรหรือบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐซึ่งมีที่ตั้งอยู่ทั้งภายในและนอกประเทศต่างร่วมกันนำเสนอและบิดเบือนข่าวกันอย่างมากมายทั้งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความแตกแยกภายในประเทศและสร้างความเข้าใจผิดไปยังกลุ่มประเทศมุสลิมที่ให้การสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงได้รับรู้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ด้วยหวังผลอย่างที่กล่าวข้างต้น
จากการเฝ้าติดตามการต่อสู้ด้วยสงครามข่าวสารอย่างฝุ่นตลบของข้างฝ่ายขบวนการเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้พบข้อมูลการบิดเบือนอย่างน่ารังเกียจของเวบเพจเฟสบุ๊คแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเพจคู่ขนานของเว็บไซต์ www.suara-ampera.com ซึ่งเป็นที่รู้กันในวงการว่าบิดได้ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าชื่อเพจ www.facebook/ Suara Patani ที่ทุกคนดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นการทำขึ้นโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเดียวกัน และได้นำเสนอมาในหลายเรื่องหลายประเด็น แต่ผู้เขียนอยากจะขอยกตัวอย่างการบิดเบือนซักหนึ่งตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณากัน
           เพจดังกล่าวได้นำเสนอข่าวสารในภาษามาเลเซียเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขในการนำกำลังทหารเข้าแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ของรัฐบาลไทยว่ามีจำนวนถึงกว่าหกหมื่นคนเข้าประจำการในพื้นที่ รวมทั้งการฝึกอาสาสมัครชาวไทยพุทธอีกถึงแปดหมื่นคน ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก เพราะเป็นการนำตัวเลขทั้งของกำลังประจำพื้นที่และเจ้าหน้าที่ในส่วนของฝ่ายพัฒนาซึ่งเป็นพลเรือนเข้ามารวมด้วย ในความเป็นจริงทหารที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่นั้นมีเพียงประมาณสองหมื่นเก้าพันคนและกำลังทยอยถอนกำลังออก   
         ในส่วนของอาสาสมัครชาวไทยพุทธนั้นก็จัดการฝึกให้เฉพาะในชุมชนไทยพุทธที่มักตกเป็นเป้าหมายในการลอบทำร้ายจากขบวนการที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ซึ่งขณะนี้มีเพียงไม่กี่ชุมชนเท่านั้น ด้วยว่าจำนวนไทยพุทธในพื้นที่กำลังลดจำนวนลงทุกวันจากการถูกข่มขู่คุกคามให้อพยพออกจากพื้นที่
          นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องจริงที่คาดว่าผู้ดูแลเว็บเพจนี้ก็รับรู้ แต่ยังมีเจตนาบิดเบือนเพื่อสร้างภาพให้เกิดความเข้าใจผิดว่าพี่น้องมุสลิมในพื้นที่กำลังถูกคุมคามจากทหารและชาวไทยพุทธ ซึ่งหลายๆ ประเทศกำลังจับตามองและมีความเข้าใจสถานการณ์ดีว่าขณะนี้เรื่องจริงๆ เป็นอย่างไร
          และแน่นอนว่าหมายความรวมถึงองค์กร Human Right Watch (HRW) ซึ่งเว็บเพจนี้ระบุว่าส่วนใหญ่ ชาวมลายูมุสลิมจะถูกลักพาตัวไปทรมานและฆ่าโดยทหารภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน และกฎหมายพิเศษอื่นๆ โดยทหาร ที่กระทำไม่ต้องถูกลงโทษ ทั้งๆ ที่ Human Right Watch เองเพิ่งจะประณามการทำร้ายเป้าหมายอ่อนแอ เช่น ครู และเด็กเล็กของกลุ่มที่มีความพยายามแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของไทยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเพจนี้ไม่เคยหยิบมานำเสนอเพราะเป็นเรื่องจริง 
          การใช้กำลังทหารและการฝึกอาสาสมัครรวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายพิเศษนั้น ในความเป็นจริงแล้ว   เป็นการตอบสนองความต้องการในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ของประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการสันติสุข เพราะมาตรการทั้งหมดนั้นไม่ได้กระทบกับการดำรงชีวิตของประชาชน คงมีเพียงผู้ที่มุ่งร้ายต่อสังคมเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่สามารถก่อเหตุร้ายได้สะดวก และหากมีเบาะแสเจ้าหน้าที่ก็สามารถเชิญไปพูดคุย    ได้ตามกรอบของกฎหมายหากพบว่าไม่เกี่ยวข้องก็ปล่อยตัวไป
          โดยสรุปคือกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์จากการใช้บังคับใช้กฎหมายพิเศษนี้   แต่น่าแปลกที่ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง แต่ก็เห็นสนับสนุนกันดีอย่างไม่น่าจะเป็น ทั้งยังช่วยเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษรวมทั้งโจมตีเจ้าหน้าที่ในทุกเรื่องทั้งๆ ที่หลายเรื่องเกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่มากมาย
          ออกมาโวยวายมากๆ เดี๋ยวคนอื่นเค้าหาว่าเป็นโจรไม่รู้ด้วยนะ!!! หรือจะยอมรับว่าเป็น...

9 พฤศจิกายน 2560

เชื้อโรคร้าย ภัยเงียบแต่เจตนา....


เชื้อโรคร้าย ภัยเงียบแต่เจตนา.....
ขบวนการบ่มเพาะและแพร่กระจายสู่สังคมมุสลิม


การถอดแม๊กกาซีนออกจากปืนก็เพื่อความปลอดภัย
และการนำมาวางก็เป็นวิธีการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุโดยทั่วไป 
ให้รู้ว่าเป็นแม๊กกาซีนปืนกระบอกไหน?
แล้วก็ไม่หรอก!!! ที่จะมีกระสุนแค่ 2 แม๊กกาซีน
ต้องมีกระสุนและแม๊กกาซีนสำรองไปด้วย
ตรงนี้เจ้าหน้าที่ไม่รู้หรอกครับว่าคนร้ายมีกระสุนติดตัวเท่าไรหร่?
การคิดว่าต้องมีกระสุนเท่านั้นเท่านี้
ก็แค่ มโนของนักเลงคีย์บอร์ด กับความคิดเกรียนๆ แค่นั้นเอง
แต่ก็ขออวยพรให้เขาไปสู่สุขคติ

ข้อเท็จจริงครับ!!! 
นายอาลียะ อาหะแม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา และ หมายจับ พ.ร.ก. ได้ก่อเหตุยิง อส.ทพ.เสียชีวิต แฟนสาวได้รับบาดเจ็บ เมื่อ ต.ค.58, ก่อเหตุขว้างระเบิดใส่ จนท. ในโรงเรียน เมื่อ 28 เม.ย.59, ยิง อส.ทพ.เมื่อ 10 มิ.ย.59 และ วางระเบิด จนท.อส. เมื่อ 24 ก.พ.60 ร่วมกับ นายกาดาฟี ซามะแซ ทั้ง 2 คน ศาลได้ออกหมายจับเมื่อ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ถ้าฟังให้ลึกก่อนที่จะถูกวิสามัญ จนท.ได้ให้ทั้งผู้ใหญ่บ้าน , โต๊ะอิหม่าม มาเจรจาเกือบ 2 ชม.ก็ไม่เป็นผล ทั้งผู้ใหญ่บ้านและโต๊ะอิหม่ามต้องกระโดดหลบกันเป็นแถว และก่อนหน้าจะออกหมายจับทาง จนท.ได้ไปพูดคุยกับ นายมะซอแล และนางยะเราะห์ พ่อและแม่ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมยอมมอบตัว 5 ถึง 6 ครั้ง ก็ไม่ยินยอม

มาดูฟากฝั่งเจ้าหน้าที่ 
จะเห็นว่าพยายามทำทุกวิถีทาง มาตรการจากเบาไปหนัก
สุดท้ายจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย
สุดท้ายปรากฎในสิ่งที่ทุกคนเห็นคือเขาเสียชีวิต
แล้วใคร? คือ คนที่ทำให้เขาตาย!!
คือคนที่พยายามขัดขวางทุกวิถีทางในการพัฒนาพื้นที่ของภาครัฐ
ทำลายระบบภูมิคุ้มกันทางสังคมจนถึงบุคคล
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องก็เอาเชื้อโรค คือชุดความคิด
ความเชื่อของตนแพร่เข้าไป ทำให้สังคมติดเชื้อและป่วย
เยาวชนบกพร่องทางความคิด ...
ตกเป็นเครื่องมือและต้องเสียชีวิตอย่างที่เห็น
นี่แหละคนที่ฆ่าเขาตัวจริง โดยที่ฆาตกรตัวจริงก็รู้
ก็เห็นว่าสุดท้ายแล้วเยาวชนที่ตกเป็นเครื่องมือจะมีอนาคตเป็นเช่นไร ?
หรือว่านี่ก็คือความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว
ซึ่งเชื่อได้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้ายแน่ หากยังไม่หยุดแพร่เชื้อโรคร้าย
และได้โปรดเชื่อเถอะครับคนที่ทำผิดยังไงก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของกฎหมายแน่นอน!!

ปิดล้อมตรวจค้นที่ปัตตานีปะทะคนร้ายดับ 2 ราย คุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัยสอบเกี่ยวพันเหตุระเบิดทหารเสียชีวิต 4 นายที่สายบุรี


ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นยิงปะทะคนร้ายที่ จ.ปัตตานี พร้อมเชิญผู้ต้องสงสัย 6 ราย ทำประวัติสอบปากคำ เร่งสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนชาวไทยพุทธ

วันนี้ (9 พ.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พ.ต.อ.สักรินทร์ บำเพ็ญสมัย โฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายสัมพันธ์ มูซอดี โฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว เพื่อรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา

พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้สรุปสถานการณ์เหตุการณ์ประจำสัปดาห์ ห้วงวันที่ 1-8 พฤศจิกายน 2560 ว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ จำนวน 5 เหตุการณ์ เป็นเหตุยิง 5 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บจำนวน 2 ราย เป็นเหตุพบศพ 2 เหตุการณ์ จำนวน 4 ศพ โดยเฉพาะพบศพ นางบิสมี สุหลง อายุ 27 ปี และลูกสาว อายุ 5 ขวบ ซึ่งถูกคนร้ายใช้มีดแทงที่ลำคอ และลำตัวเสียชีวิต แล้วนำศพไปทิ้งอำพรางคดีที่ใต้สะพานบ้านกาหนั้วะ หมู่ที่ 5 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นั้น

ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เรียบร้อยแล้วคือ นายฮาซัน เจ๊ะหะ อายุ 30 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า ชวนผู้ตายมาหลับนอน แต่ผู้ตายขัดขืน จึงบันดาลโทสะใช้มีดแทงจนเสียชีวิต และฆ่าปิดปากลูกสาว และเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2560 เจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ได้ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย จำนวน 2 เหตุการณ์ ดังนี้

เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2560 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 42 เข้าบังคับใช้กฎหมายเข้าตรวจสอบบุคคลเป้าหมาย คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุการณ์ เมื่อ 22 ก.ย.60 คนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 ทำให้กำลังพลเสียชีวิต จำนวน 4 ราย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย และราษฎรได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย เหตุเกิดถนนสาย 42 (สายเก่า) บ้านตะบิ้ง หมู่ที่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยเข้าทำการตรวจสอบ โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่ง หมู่ที่ 3 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ ผลการปฏิบัติได้เชิญตัวบุคคล จำนวน 6 คน เพื่อบันทึกประวัตบุคคล และตรวจเก็บสารทางพันธุกรรม คือ นายอามีน เฮาะยา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา (บุคคลเป้าหมาย), นายอาหะมะ ดามะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/1 หมู่ที่ 9 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี, นายนูรดีน อาแว อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 หมู่ที่ 8 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส, นายอับดุลเลาะห์มาน สามะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 1 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส, นายอูบัยดีลละห์ ช่วยสง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 หมู่ที่ 3 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และ นายอับดุลฮากีม มะแซ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 หมู่ที่ 14 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2560 ได้บังคับใช้กฎหมายเข้าตรวจสอบบุคคลเป้าหมายกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้านเจาะโบ หมู่ที่ 1 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นได้เจรจากับผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยเชิญผู้นำศาสนาในพื้นที่ร่วมเจรจา แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่ยินยอม และใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงทำให้เกิดการปะทะ เป็นผลให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 2 รายคือ นายอาลียะ ดาหะแม และนายกาดาฟี ซามะแซ

พฤติกรรม นายอาลียะ ดาหะแม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ เป็นบุคคลตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ 38/60 ลง 10 มี.ค.60 ต้องสงสัยก่อเหตุยิง อส.ทพ.อภิสิทธิ์ มุกดาห์ เสียชีวิต เหตุเกิดพื้นที่ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อ 8 ตุลาคม 58

พฤติกรรม นายกาดาฟี ซามะแซ อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 4 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา ที่ จ.256/60 ลง 20 เม.ย.60 และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก พร้อมซองกระสุน และกระสุนจำนวนหนึ่ง