2 เมษายน 2561

ทภ.4 ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์โรงแรมดังภูเก็ต

 
เมื่อ 2 เมษายน 2561 เวลา 0900 พันเอก ปราโมทย์  พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยว่าตามที่ได้ปรากฏข่าวในสื่อออนใลน์ข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ดังที่ได้มีการแชร์เผยแพร่และแสดงความคิดเห็นเชิงลบอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมานั้น
 

               กองทัพภาคที่ 4 /กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้
               จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 27 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมป่าตอง พารากอน จังหวัดภูเก็ต โดย ร้อยตรี วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อย สังกัดกรมทหารราบที่ 25 ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประสานกับผู้บริหารโรงแรมดังกล่าวว่า พันโท สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม คณะทำงานชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 4 จะเดินทางมาพบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากพนักงานของโรงแรมป่าตอง พารากอนว่าถูก นายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรชน์ฤทธิ์ กรรมการบริหารโรงแรมดังกล่าว และพวกข่มขู่และกดดันให้ออกจากการเป็นพนักงานของโรงแรม ทำให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากนายวิศิษฐ์ฯ และพวกแต่อย่างใด ซึ่งได้ปรากฏข้อความและคลิปที่ได้มีการเผยแพร่ไปแล้ว และต่อมาพันโท สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ได้เดินทางมาชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลในการขอตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายวิศิษฐ์ฯ แจ้งว่าขอเวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน และจะเดินทางไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ในวันที่ 2 เมษายน 2561
               การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ดำเนินการภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมาตรา 44 และคำสั่งที่ 13/2559 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าถูกข่มขู่ และคุกคามจากผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดความหวาดกลัวและไม่ปลอดภัย ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดอาญาที่เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อยจึงจำเป็นต้องเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องเรียนโดยปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนทุกประการพร้อมกันได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบ ด้วยกฎหมายมิได้มีการทำร้ายร่างกาย ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญเพื่อเรียกรับสินบนหรือผลประโยชน์แต่อย่างใด
               การเผยแพร่คลิปที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการตัดต่อเพียงบางส่วนพร้อมข้อความอันเป็นเท็จ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้วถือเป็นการเจตนาสร้างความเสื่อมเสียให้เจ้าหน้าที่รัฐและทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อจัดระเบียบสังคมขจัดอิทธิพล อำนาจมืด ธุรกิจผิดกฎหมาย ความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแสจนนำสู่การแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วสำหรับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่จงใจเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังที่ปรากฏ กองทัพภาคที่ 4 / กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายตามความเหมาะสมต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น