25 กุมภาพันธ์ 2560

แม่พัพภาคที่ 4 ขึ้น ฮ รับตัว ผกร.หลังเปิดสายส่วนตัวติดต่อขอมอบตัว

 ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วนรับตัว “อาหามะ ดือเระ” ผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุความไม่สงบรายแรก หลังโทรศัพท์หาขอเข้ารายงานตัว เพื่อเข้าร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้


     
       ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลาว่า จากกรณีที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เปิดช่องทางให้ผู้เห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานตัว เพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 092 532 4989 ซึ่งเป็นเบอร์พิเศษ ที่ไว้รับรายงานตัวผู้เห็นต่าง และได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้เห็นต่างให้โทรเข้ามา เพื่อเข้าร่วมโครงการ
     
       ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.) พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปนำตัว นายอาหามะ ดือเระ อายุ 38 ปี มายังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังจากที่ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จาก นายอาหามะ ดือเระ โดยตรง เพื่อขอเข้ารายงานตัวกับทางการ
 
       พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังนั่งประชุม ก็ได้มีผู้เห็นต่างโทรศัพท์เข้ามาเพื่อให้ตนเดินทางไปรับตัวเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ที่บ้านกูแบปูรง ม.1 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา โดยตนเองได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปรับตัว นายอาหามะ ดือเระ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/2 ม. 5 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ด้วยตนเอง
     
       ซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่รายแรก ที่ใช้ช่องทางด้วยการโทรศัพท์มาหาตน เพื่อต้องการแสดงตนเข้าร่วมเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตนเองขอประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มผู้เห็นต่างในพื้นที่ให้มีความเชื่อมั่นในความยุติธรรม โดยให้ใช้ช่องทางนี้ในการติดต่อกับตนเอง เพื่อที่จะเดินทางไปรับตัวกลับออกมาร่วมกันพัฒนาพื้นที่ให้เกิดสันติสุขต่อไป

       “หลังจากที่ได้รับรายงานตัวมาแล้ว ก็จะดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จากนั้นก็ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ส่วนการให้ความดูแลช่วยเหลือนั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะดูแลช่วยเหลือ ซึ่งหากเสร็จสิ้นกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็จะดูแลเรื่องการประกอบอาชีพเพื่อให้เกิดความมั่นคง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติสุขต่อไป” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
     
       ด้าน นายอาหามะ ดือเระ กล่าวว่า ในการตัดสินใจเข้ารายงานตัวกับแม่ทัพภาคที่ 4 ในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีความระส่ำระส่าย เกิดความแตกแยกขึ้นในองค์กร ทำให้ตนเอง และสมาชิกหลายคนขาดความเชื่อมั่น ประกอบกับที่ผ่านมา ทางผู้นำองค์กรเองไม่มีความจริงใจในการช่วยเหลือกลุ่มสมาชิก จึงเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และยังมีสมาชิกอีกหลายคนที่ต้องการออกมารายงานตัวกับทางราชการ แต่ยังไม่มั่นใจ ซึ่งการออกมารายงานตัวของตนเองในครั้งนี้ จะทำให้เพื่อนสมาชิกหลายคนเปลี่ยนใจเข้ามอบตัวกับทางราชการด้วย
           
       ประกอบกับที่ผ่านมา ตนเองต้องใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนตัวมาประมาณ 8 ปี ซึ่งเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตดังกล่าวแล้ว แถมตนเองมีแม่ที่อายุมาก และที่ผ่านมาแม่กับพี่ชายเคยขอร้องให้ตนเองออกมารายงานตัว แต่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งหลังจากที่ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้แจกเบอร์โทรศัพท์ให้ผู้ที่เห็นต่างได้โทรเข้ารายงานตัวแล้วจะไปรับด้วยตนเอง ญาติจึงได้เอาเบอร์โทรศัพท์มาให้ และลองโทรหาดู 2 ครั้ง ในที่สุดแม่ทัพภาคที่ 4 ก็มารับจริงๆ ทำให้ตนเองรู้สึกดีใจ และมีความมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม
     
       ขณะที่ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า สำหรับ นายอาหามะ ดือเระ เป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 4 หมาย และเคลื่อนไหวก่อเหตุในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.กรงปินัง จ.ยะลา และ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยใช้พื้นที่ อ.รามัน เป็นพื้นที่หลบซ่อนตัว และได้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง

23 กุมภาพันธ์ 2560

คนร้ายโยนอาวุธปืนทิ้งสระน้ำหลังก่อเหตุยิง นายก อบต.ปิยามุมัง จนท.งมหาจนเจอ


เมื่อ 23 ก.พ.60 เจ้าหน้าที่งมหาอาวุธในแหล่งน้ำธรรมชาติ ในพื้นที่ ม.4 บ้านตามง ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งคนร้ายได้นำมาทิ้งทำลายหลักฐานหลังทำการก่อเหตุยิง นายสะมะแอ ดอเลาะ นายก อบต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อ 10 ก.พ.60

เจ้าหน้าที่ชุดสืบ จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานปัตตานี ได้สนธิกำลังเพื่อทำการงมหาอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ ม.4 บ้านตามง ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการงมหานานกว่า 5 ชั่วโมง ในที่สุดสามารถพบอาวุธที่คนร้ายนำมาทิ้งอยู่ในท้องน้ำของสระดังกล่าว

การงมหาอาวุธของคนร้ายในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในการวางแผนลอบสั่งหารนายก อบต.ปิยามุมัง ได้จำนวน 2 คน และบุคคลทั้ง 2 ได้ให้การยอมรับสารภาพ และให้เบาะแสที่ทิ้งอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางมาตรวจจนกระทั่งพบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุดังกล่าว.




22 กุมภาพันธ์ 2560

ค้นยาเสพติดเจออาวุธสงครามที่แว้ง นราธิวาส


นราธิวาส-เมื่อวันที่ 22 ก.พ.60 เวลา 06.30 น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ คงแดง รอง ผกก.สส.สภ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน สภ.แว้ง ได้ทำการตรวจค้นบ้านพัก เป้าหมายยาเสพติดบ้านเลขที่ 151/2 บ.แว้ง ม.1 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส

ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายอุสนัน  มะนอร์ อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่151/2 บ.แว้ง ม.1 ต./อ.แว้ง จ.นราธิวาส หมายเลขบัตรประชาชน  3-3608-00002-59-4  พร้อมอาวุธปืน ปลย.HK-33 (แบบพับฐาน) จำนวน 1 กระบอก, ซองบรรจุกระสุนชนิดยาว จำนวน 1 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 16 นัด

เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว นายอุสนัน  มะนอร์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แว้ง จ.นราธิวาสเพื่อดำเนินคดี ส่วนอาวุธปืนพร้อมกระสุนส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 (ศพฐ.10) จ.ยะลา เพื่อทำการตรวจหาประวัติในสารบบต่อไป.

รวบ!!คนร้ายยิง นายก อบต.ยะหริ่ง คาสวนยางที่สะเดา



เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยทำการก่อเหตุประกบยิงนายก อบต.ปิยามุมัง ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ยอมเปิดปากสารภาพเป็นแค่ผู้จัดหารถยนต์ให้กับนายอิสมาแอ มะดีเยาะ ไปใช้ในการก่อเหตุ

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 60 ได้มีคนร้ายจำนวน 3 คน สวมหมวกไหมพรมปิดปังใบหน้า อาวุธครบมือ ใช้รถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สี่ประตูสีบรอนซ์ ไม่ทราบทะเบียนเป็นพาหนะ ตามประกบพร้อมกับใช้อาวุธสงครามอาก้ากราดยิงนายสมาแอ ดอเลาะ นายก อบต.ปิยามุมัง เสียชีวิต ขณะกำลังขับรถเดินทางไปทำงาน เหตุเกิดบริเวณสามแยก บ.ปาโต๊ะ ม.5 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.60 ชุดสืบสวน สภ.ยะหริ่ง ได้แกะรอยติดตามกลุ่มคนร้าย จนสามารถพบรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกเผาทิ้งเอาไว้ข้างสระน้ำของโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ ม.4 บ้านตามง ต.ราตาปันยัง ซึ่งเป็นรอยต่อกับ ม.4 ต.ตาลีอัยร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 21  ก.พ.60 ชุดสืบสวน สภ.สะเดา จ.สงขลา ร่วมกับ กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ปัตตานี ได้จับกุมตัวนายอิสมาแอ มะดีเยาะ ได้พร้อมอาวุธปืนพกสั้นชนิดออโตเมติก ขนาด 11 มม.ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ม.6 บ้านห้วยตืองะ ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา

ในเบื้องต้นจากจาการสืบสวน นายมะซอเรย์ กามาลี ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้จัดหารถยนต์มิตซูบิซิ ไทรทัน 4 ประตู ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุยิงนายก อบต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จนเสียชีวิต เมื่อ 10 ก.พ.60 โดยส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้กับนายอิสมาแอ มะดีเยาะ ไปใช้ในการก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายมะซอเรย์ กามาลี ไปทำการซักถามขยายผล เพื่อหาผู้ร่วมในการก่อเหตุและดำเนินการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดรวมทั้งผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

21 กุมภาพันธ์ 2560

สุดยอดคน!! พ่อแม่แยกทางกรีดยางส่งเสียตัวเองเรียนความสามารถสุดทึ่ง!!



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช็คสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา ได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ผ่านทางเฟซบุ๊ก “Suthipong Thamawuit” โดยระบุ เรื่องราวดังนี้

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เกิดมาในครอบครัวที่ยากแค้นแสนสาหัส พ่อติดเหล้า แม่ขี้เมา แยกทางกันตั้งแต่เขาเพิ่งจบประถมปลาย เขาไม่เพียงเรียนรู้ที่จะยืนอยู่บนลำแข้งของตน ทำงานเลี้ยงตัวเองตั้งแต่สิบขวบเศษเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้ว่า หากจะมีชีวิตที่ดีกว่า จะต้องพาชีวิตตัวเองไปอย่างไร


 “นั่นทำให้เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตตามลำพังในเพิงมุงสังกะสีกลางสวนยางพารา ที่ไม่เพียงแต่ไม่มีไฟฟ้าเท่านั้น แต่แม้แต่ฝาผนัง มุ้ง หรือโอ่ง ไห สักใบก็ยังไม่มี ทว่าสิ่งที่เขามีอย่างเต็มที่ก็คืออิสระภาพที่จะพาตัวเองไปตามที่จิตสำนึกฝ่ายดีใฝ่ฝัน


เขาใช้เวลาแปดเดือนในแต่ละปี รับจ้างกรีดยางพารา แบ่งรายได้ที่เล็กน้อยส่วนหนึ่งส่งตัวเองเรียนกศน.ในวันเสาร์ อาทิตย์ ทั้งหลักสูตรสามัญและวิชาชีพตัดผม อีกส่วนหนึ่งเข้าร้านเน็ต ค้นคว้าความรู้ด้านอิเลคโทรนิคส์ด้วยตัวเอง ที่กระท่อมของเขา ขณะที่เขาหุงข้าวด้วยไม้ฟืนจากหลุมบนดิน กินกับเห็ดกับผักหญ้า ปูปลาที่หาจากในป่าในทุ่ง ปลดทุกข์ในป่า อาบน้ำท่าในบึง เด็กหนุ่มอาชีพกรีดยางคนนี้ ไม่เพียงสามารถเขียนวงจรอิเล็คโทรนิคส์เองได้ เขายังทำแผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าเก็บลงแบตเตอรี่ไว้ชาร์จโทรศัพท์เล่นเฟสบุค ยามฝนตกเขายังสามารถผลิตไฟฟ้าพลังไอน้ำที่ต้มจากหลุมบนดิน ทดลองทำแก๊สที่ผลิตจากการหมักข้าวในขวดน้ำอัดลม แล้วส่งไปเก็บไว้ในยางรถยนต์ เป็นพลังงานสำรอง บัดกรีวงจรอิเลคโทรนิคส์ด้วยการเผาลวดทองเหลืองด้วยไม้ฟืนแทนการใช้หัวแร้ง ฯลฯ



ในวันที่มีผู้สะท้อนความจริงว่า ระบบการศึกษาที่ล้มเหลว ผลิตคนรุ่นใหม่ที่ทำข้อสอบพอได้ แต่สอบตกอีคิว ทำงานไม่เป็น ไม่มีความอดทน และขาดความรับผิดชอบ(นอกจากต่อตัณหาของตัวเอง) น่าคิดว่า อะไรที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้มีแต่ความขาดและอัตคัตขัดสน จึงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอิทธิบาท4 เชี่ยวชาญทั้งวิชาการใช้ชีวิต วิชาชีพ วิชาช่าง รวมทั้งนวัตกรรมล้ำยุค และที่สำคัญคือคิดเป็น “”นอกจากเขาจะเจียดเงินอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เดินทางท่องเที่ยว เปิดโลกหลังปิดหน้ายางในแต่ละปี โดยติดป้ายให้บริการตัดผมฟรีไปตลอดเส้นทางแล้ว เขายังตอบคำถามที่ถามว่า ทนดักดานอยู่กับสภาพแบบนี้ทำไมว่า เขาไม่ได้ทุกข์ยากอะไร เพราะใจเขาสุขสบายดี ไม่มีใครบังคับ แต่ในวันที่เขาทุกข์ใจ ซมซานมา เจ้าของสวนยางแห่งนี้โอบอุ้มและอุปการะเขา เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไร

5 นาทีกิจกรรมหน้าเสาธงของทหารพราน ได้อะไรมากกว่าที่คิด!!


เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 08.15 น. ร้อยเอกกวี  ชูเรือง ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4703 (ผบ.ร้อย.ทพ.4703) เข้าพบปะเยี่ยมเยียน เพื่อพัฒนาสัมพันธ์กับครู นักเรียน โรงเรียนบ้านตันหยง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลบาโร๊ะ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา


ในการเข้าโรงเรียนในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นอีกกิจกรรมและภารกิจหนึ่งที่มุ่งเน้นสร้างความเข้าใจ และความร่วมมือในการแก้ปัญหา การพัฒนาให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ดูแลทุกข์สุขช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดย ร้อยเอกกวี  ชูเรือง ผบ.ร้อย.ทพ.4703 ได้พบปะ นายพิชัย คงศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตันหยง อีกทั้งได้ร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงพูดคุยกับนักเรียน ในหัวข้อ ความรักชาติ  การขยันในการเล่าเรียนเพื่อปลุกฝังอุดมการณ์ความรักชาติให้กับนักเรียน มุ่งสอนให้รู้จักหน้าที่ของนักเรียนคือการมุ่งมั่นในการศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งเป็นเด็กที่ดีของพ่อแม่ และครูบาอาจารย์ เติบโตขึ้นมาจะเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป.


รวบแนวร่วมโจรใต้ที่สายบุรี



ปัตตานี – เมื่อ 20 ก.พ.60 เวลา 12.10 น. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 (ฉก.ทพ.44) โดย ชป.ร้อย.ทพ.4412 สนธิกำลังร่วมกับ ชป.พิเศษ, ชปข.ฉก.ทพ.44 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.สืบสวน สภ.สายบุรี ร่วมกันติดตามจับกุมบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ บ.ลานช้าง ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

ผลการปฏิบัติเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายอับดุลรอพา  สอแล๊ะ หมายเลขประจำตัวประชาชน 3-9407-00264-40-6 แนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับปฏิบัติการ ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับ นายฮานาพี  นีลอ ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย.59



โดย นายฮานาพี นีลอ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดี สังหาร ส.ท.หญิง อานันตาเซีย ดือราแม ทหารพรานหญิง สังกัด ฉก.ทพ.44 เสียชีวิตบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 1 บ.พอเหมาะ ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2556 แต่ระหว่างการเข้าจับกุมได้เกิดการยิงต่อสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนร้ายเป็นเวลานานกว่า 5 นาที และหลังจากเสียงปืนสงบเจ้าหน้าพบว่า นายฮานาพีถูกยิงเสียชีวิต

ส่วน นายอับดุลรอพา  สอแล๊ะ เป็นบุคคลเป้าหมายของหน่วยงานความมั่นคง โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจสอบในพื้นที่ บ.ลานช้าง ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งขณะเข้าทำการตรวจสอบเมื่อ นายอับดุลรอพาฯ เห็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหลบหนีออกทางหลังบ้านไปในสวนยาง เจ้าหน้าที่ได้วิ่งติดตาม จนสามารถควบคุมตัวได้



การปฏิบัติการติดตามจับกุมเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงโดยไม่จำเป็นเพื่อลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายอับดุลรอพา  สอแล๊ะ ไปจัดทำประวัติยัง สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี และส่งตัวไปเข้าสู่กระบวนการซักถามเพื่อหาความเชื่องโยงต่อกรณีการก่อเหตุในห้วงที่ผ่านมา และติดตามหากลุ่มแนวร่วมที่เป็นเครือข่ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


20 กุมภาพันธ์ 2560

"ปอเทือง"บานแล้วที่ลำใหม่-ยะลา


วันนี้ 20 กุมภาพันธ์ 2560 หลังจากหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้าน 
ผู้ช่วยผู้ใหญ่ บ้านปีซะ หมู่ที่ 1 ตำบลลำใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้นำต้นปอเทืองมาปลูกไว้ที่สองฝั่งข้างถนน บริเวณหน้าบ้านเรือนประชาชน มีความยาวกว่า 100 เมตร ในวันนี้ ดอกปอเทืองได้ออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งอย่างสวยงาม โดยชาวบ้านในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ต่างออกมาชื่นชมดูความสวยงามของดอกปอเทือง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเดินทางผ่านไปมาโดยใช้เส้นทางสายทางลัดลำใหม่-ยะลา ต่างแวะเวียนจอดรถลงมาดูความสวยงามของดอกปอเทืองกันอย่างต่อเนื่อง


นางสาวรอฮานี สาเมาะ ชาวบ้าน หมู่ที่ 1 บ้านปีซะ กล่าวว่า สำหรับต้นปอเทือง นี้ ทางผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้นำเมล็ดมาปลูกไว้ที่บริเวณหน้าบ้านชาวบ้านตลอดระยะทาง กว่า 100 เมตร ตั้งแต่บ้านของผู้ใหญ่บ้านจนถึงโรงไฟฟ้า ปลูกมานานแล้วร่วมหนึ่งเดือน ช่วงนี้ต้นปอเทืองออกดอกสีเหลืองสวยงาม ชาวบ้านชอบกันทุกคน เพราะจะทำให้เส้นทางสายนี้เกิดความสวยงาม ดูแล้วมีชีวิตชีวา และในช่วงเย็นๆ ก็จะมีประชาชนแวะเวียนมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก อีกด้วย



ที่มา  สปชส.ยะลา/นุรอัฟฟานนีซาร์ รอแม  เรียบเรียง

ประชาคมอาเซียน กับกระบวนการเสริมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม

ข่าวรอบรั้วชายแดนใต้...



กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า 
จัดโครงการเวทีความร่วมมือสร้างสันติสุข 
ภายใต้ชื่อ ประชาคมอาเซียน กับกระบวนการเสริมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม นำสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ 



ออกอากาศวันที่ 20 ก.พ.60 ทางช่อง NBT ยะลา 
ช่วงเวลา 15.30 - 16.00 น.

นักค้าใบกระท่อมหัวใส ใช้วิธีโยนข้ามกำแพงจากฝั่งมาเลย์เลี่ยงการตรวจค้น


เจ้าหน้าที่ทหารชุดป้องกันชายแดน และเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเบตง ร่วมกันจับใบกระท่อมข้างกำแพงไทย-มาเลเซีย รับสารภาพมีชาวมาเลเซียนำมาส่งโยนข้ามกำแพง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.60 ร.อ.จำรัส ศิลาพัฒน์ ผบ.ร้อย ปชด.ที่ 4 สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนใบกระท่อมจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังประเทศไทย โดยมีวิธีการโยนข้ามกำแพง จึงประสาน นายพงศธร คงทอง ปลัดป้องกันอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร อส. ลาดตระเวนตามเส้นทางถนนเลียบชายแดนไทย-มาเลเซีย ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา จนพบกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบใหญ่จำนวน 3 ใบ วางอยู่ริมกำแพงฝั่งไทยซึ่งตรงกับเสาไฟฟ้าเลขที่ 136 ถนนเลียบชายแดนตรวจสอบภายในพบใบกระท่อมจำนวน 189 มัด น้ำหนักรวม 34 กิโลกรัมเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณโดยรอบ

ในเวลาต่อมา นายฮานาฟี บาฮา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/1 ถ.กาแป๊ะกอตอ1 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ100 สีน้ำเงินดำ ทะเบียน กงท 796 เบตง โดยมี นายสุไลมาน อาแว อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 ถ.กาแป๊ะกอตอ1 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา นั่งซ้อนท้าย ได้ขี่รถมาจอด จากนั้นทั้งสองได้เดินไปและช่วยกันหยิบกระเป๋าทั้ง 3 ใบ ซึ่งภายในกระเป๋ามีใบกระท่อมอยู่ เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าซุ่มอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม


จากการสอบสวน ทั้งสองรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของใบกระท่อมจริง โดยได้รวมเงินกับเพื่อนๆสั่งซื้อใบกับกระท่อมกับชาวมาเลเซีย และได้เดินทางไปจ่ายเงินค่าใบกระท่อมที่ บ้านตาเซะรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้วในราคากิโลกรัมละ 500 บาท หลังจากนั้นชาวมาเลเซียก็จะนำใบกระท่อมมาส่งโดยโยนข้ามกำแพงมาเพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งด่านตรวจค้นของเจ้าหน้าที่และโทรศัพท์มาบอกว่าใบกระท่อมตั้งอยู่บริเวณไหน ตนก็จะขี่รถไปเอาแล้วนำไปแบ่งกับเพื่อนๆที่รวมเงินกันซื้อ เพื่อเอาไปต้มทำเป็นยาเสพติด 4x100 ไว้เสพกัน เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"เบิกฟ้าลาบู สู่อาเซียน"จ.ยะลา เปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่บ้านเหมืองลาบูอำเภอยะหา


ที่บ้านเหมืองลาบู หมู่ที่ 8 ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานเปิดกิจกรรม "เบิกฟ้าลาบู สู่อาเซี่ยน" โดยมีนายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมากโดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของบ้านเหมืองลาบู ตำบลปะแต อำเภอยะหา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของพื้นที่อำเภอยะหา

นายชัยชนะ กฤตยานาถ นายอำเภอยะหา กล่าวว่า บ้านเหมืองลาบู ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ระยะห่างจากอำเภอยะหาประมาณ 28 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอซิกส์รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซียทางด้านทิศใต้ ประชากรรวม 440 คน 155 ครัวเรือน นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม อยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ในอดีตพื้นที่แห่งนี้มีการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ดีบุก ชื่อ เหมืองลาบู หรือเหมืองฟักทอง และเนื่องด้วยดำริของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ในคราวที่ได้เดินทางมาเยือนชาวบ้านเหมืองลาบูถึง 2 ครั้งในปีที่ผ่านมา ท่านได้ให้แนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่ไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะการยกระดับการพัฒนาพื้นที่บ้านเหมืองลาบูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่

     การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของบ้านเหมืองลาบู ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ไว้ต้อนรับผู้มาเยือนจากทุกภูมิภาค เป็นภาพความสวยงามของสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความเข้มแข็ง และนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้แก่พี่น้องประชาชนสู่ความรุ่งเรืองเฉกเช่นในอดีต

      ขณะที่ นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า กิจกรรม "เบิกฟ้าลาบู สู่อาเซี่ยน" เป็นการเปิดม่านให้ชาวอำเภอยะหา และชาวบ้านเหมืองลาบูได้ต้อนรับผู้มาเยือน ได้สัมผัสบรรยากาศที่งดงามทั้งผู้คนและสถานที่ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า พื้นที่บ้านเหมืองลาบู นอกจากจะอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้หลากพรรณ ขุนเขามีความงดงามแปลกตา และแหล่งแร่ดีบุกที่ดีแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดชมวิวทะเลหมอก จุดชมดวงอาทิตย์ขึ้น น้ำตก และมีร่องรอยอดีให้รำลึกถึง เนื่องจากพื้นที่นี่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมเหมืองแร่ดีบุกในอดีตภาพคนหาบเร่ ภูเขา ที่นำไปเป็นตราประจำจังหวัดยะลาก็คือพื้นที่แห่งนี้ รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านเหมืองลาบูมายาวนานร่วมร้อยปี เป็นที่ประจักษ์

19 กุมภาพันธ์ 2560

รวบหนุ่มนราฯ ขนยาบ้าเกือบ 1,400 เม็ด ขึ้นรถโดยสารประจำ


เมื่อวันที่ 18 ก.พ.60 พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย เปิดเผยถึงการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดคาด่านตรวจภูเก็ต ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ธวัช ตันสกุล สวป.สภ.ท่าฉัตรไชย รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สภ.ท่าฉัตรไชย ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ เจ๊ะหมวก รอง สวป.สภ.ท่าฉัตรไชย เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ปองภพ ประสบพิชัย สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุด กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่ 3


โดยได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอาพีซี ยา อายุ 26 ปี ที่อยู่ 99/7 ม.3 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส ผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศ สายสุไหงโก-ลก-ภูเก็ต เลขประจำข้างรถ 746-5 หมายเลขทะเบียน 10-1194 ตรัง ขณะกำลังมุ่งหน้าเข้า จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 1,398 เม็ด โดยพบของกลางภายในกระเป๋าสะพายที่ นายอาพีซี นำมาด้วยที่วางไว้บนศีรษะที่นั่งของตนเอง สามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.ประวิทย์ กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากผู้บังคับบัญชาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจภูเก็ต บูรณาการเจ้าหน้าที่ทีเกี่ยวข้องเข้มงวดการตรวจรถที่ผ่านเข้าออกมายังจังหวัดภูเก็ต ที่อาจจะมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ภายในรถต่างๆ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจรถคันอื่นอยู่นั้น ได้มีรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศสายสุไหงโก-ลก-ภูเก็ต เลขประจำข้างรถ 746-5 หมายเลขทะเบียน 10-1194 ตรัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขึ้นไปตรวจเอกสารประจำบุคคล และตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารที่อาจจะซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่ตรวจมาถึง นายอาพีซี จึงได้ดูเอกสารประจำตัว และทางเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ตรวจสอบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนศีรษะของ นายอาพีซี ปรากฏว่า พบยาบ้าดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋า และสอบ นายอาพีซี ว่ากระเป๋าเป็นของตนเองหรือไม่ นายอาพีซี ยอมรับว่าเป็นกระเป๋าของตนเองจริง จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ห้องสอบสวนด่านตรวจภูเก็ต เพื่อสอบสวนขยายผล

ในเบื้องต้น ทาง นายอาพีซี รับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวตนเพื่อนำมาขายให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

17 กุมภาพันธ์ 2560

รวบเครือข่าย “อับดุลรอพี” เอเย่นต์เฮโรอีนส่งขายโจ๋ภาคใต้คาบ้านพัก ยึดกว่า 1 พันกรัม


เมื่อวันที่ 15 ก.พ.60 พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. สั่งการให้ พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส.4 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.4 (ชป.นราธิวาส), สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ศอ.ปส.ภ.จว.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชปส.สภ.สุไหงโก-ลก ร่วมกันทำการจับกุมนายอาดือนัน มาหะมะ อายุ 29 ปี ชาวจ.นราธิวาส พร้อมของกลาง เฮโรอีน 254 หลอดบิ๊ก น้ำหนักรวมประมาณ 1,143 กรัม ได้ที่หลังบ้านเลขที่ 168/4 ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่านายอาดือนัน ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงต่างๆ อย่าง เกาะสมุย ภูเก็ต และอื่นๆ อีกหลายแห่ง กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายอาดือนันได้กบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมกับกักเก็บยาเสพติดของกลางไว้ในบ้านพัก เพื่อเตรียมรอจำหน่ายให้กับลูกคัา จึงนำกำลังเข้าไปทำการจับกุมพร้อมกับตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าว

จากการสอบสวน ทราบว่ายาเสพติดของกลางดังกล่าวที่ตรวจยึดได้นั้น เป็นยาเสพติดที่รับมาจากเครือข่ายยาเสพติดของ นายอับดุลรอพี หรือแบดี อุแม ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติดศาลอาญา ที่247/58 เอเย่นยาเสพติดรายใหญ่ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ในฝั่งประเทศมาเลเซีย ถูกตั้งค่าหัวรางวัลนำจับกว่า 3 แสนบาท ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดที่อยู่ระหว่างการติดตามตัว ที่ได้หลบหนีกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน


เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯพร้อมกับตรวจยึดทรัพย์สินภายในบ้านอีกกว่า 11 รายการ นำส่ง ปปส.ภาค9 ดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป

สโมสรฟุตบอลปัตตานี FC เปิดตัวผู้เล่นต่างชาติ พร้อมล่าแชมป์ฤดูกาลใหม่


สนามหญ้าเทียม THE FATONI STADIUM ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ทีมฟุตบอล สโมสรปัตตานี FC จัดแถลงข่าวในงานเปิดตัวนักเตะ และแถลงข่าว PATTANI FC 2017 การแข่งขันฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศไทย รายการไทยลีก 4 (T4) ท่ามกลางความสนใจของแฟนคลับทีมฟุตบอลปัตตานี และผู้สื่อข่าว ตอบรับกันอย่างล้นหลามโดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดงาน นำทีมแถลงข่าวโดยนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกประธานสโมสรปัตตานี FC นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี และผู้สนับสนุนหลัก และ ดร.วรวิทย์ บารู อดีตสภานิติบัญญัติจังหวัดปัตตานี ดร.สุกรี หะยีสาแม รองประธานสโมสร และผู้หัวหน้าทีมสต๊าฟโค้ช อดีตนักเตะทีมชาติไทยชาวปัตตานี

ในการนี้ได้มีการเปิดตัวผู้เล่นนักเตะปัตตานี FC ปี 2017 นี้ เพื่อเสริมทัพด้วยการซื้อนักเตะทั้งจากไทย และ ต่างประเทศ มีตัวสำคัญสำคัญอย่าง ฮีดากะ ยูกิ นายทวารจากญี่ปุ่น ที่ย้ายจากสโมสรอาลูบีเล็ก ของสิงคโปร์ กองหน้าจากไอวอรี่โคสต์ ดิสโก้ อิบราฮิม ย้ายมาจากสโมสรทหารบก FC มูฮัมหมัด ละอาหลี จากสโมสรสตูลยูไนเต็ด สุไลมาน คูลิบารี่ จากประเทศมาลี ย้ายมาจากสโมสรลาว ชาง ซวง วอน จากเกาหลี เล่นเป็นกองกลาง ย้ายมาจากทีมสมุทรสงคราม ในส่วนของกองหลัง อุดความเหนียวอย่าง มาลีกรี ดือราแม เป็นผู้เล่นที่ย้ายมาจากพังงาแชมเปี้ยนลีก และโซฟาน่า มามาอู ดาแจ จากไอวอรี่โคสต์ ย้ายมาจากทีมระนอง UTD รวมไปถึงตัวผู้เล่นหลักในทีมที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน


นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ประธานสโมสรทีมปัตตานี FC กล่าวขอบคุณ ทีมสต๊าฟโค้ชและผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน และผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ จากการขับเคลื่อนทีมปัตตานีมาปีที่ 8 ข้างย่างเข้าปีที่ 9 แล้ว คาดว่าปีนี้จะต้องมีผลงานอันโดดเด่น โดยเฉพาะการได้ทีมสต๊าฟโค้ชที่แข็งแกร่งและนักเตะที่ยอดเยี่ยม ที่ขาดไม่ได้ คือ กำลังใจจากแฟนคลับปัตตานี FC รวมทั้งกองเชียร์ให้กำลังใจริมขอบสนามที่ตามลุ้นตามเชียร์ด้วยดีเสมอมา พร้อมกันนี้จะขับเคลื่อนทีมปัตตานี FCให้ก้าวเข้าสู่แชมป์ของลีกให้ได้ 

พร้อมประกาศสู้ศึกด้วยการทุ่มเงินลงทุนสนับสนุน ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาทในปีนี้ ทีมสต๊าฟโค้ชวันชัย มั่นใจว่าปีนี้ทีมปัตตานีจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในลีก รับรองผลงานในการฟาดแข้งครั้งแรกกับทีมยะลา ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ถือเป็นดารบี้แมทซ์ชายแดนใต้ โดยเฉพาะเล่นในสนามของตัวเอง คาดหวังว่าจะมีข่าวดีมาฝากแฟนๆ แน่นอน

ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : บดินทร์ เบญจสมัย
ผู้เรียบเรียง : วสันต์พรรษ จำเริญนุสิต
แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี

Steert Art painting สร้างแลนด์มาร์กใหม่เมืองเบตง


กลุ่มศิลปินมหาวิทยาลัยศิลปากร แต่งแต้มสีสัน ให้เมืองเบตง ผ่านงาน Steert Art สร้างแลนด์มาร์กใหม่ โปรโมท งาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง

เมื่อวันที่ 16ก.พ.60 บรรดานักศึกษาและกลุ่มศิลปินจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศกว่า 60 ชีวิต ได้มาร่วมแต่งแต้มสีสัน ให้เมืองเบตง ผ่านงาน Steert Art painting สร้างแลนด์มาร์กใหม่เมืองเบตง กว่า 10 จุด รอบเมืองเบตง เพื่อโปรโมท งาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง สร้างความประทับใจให้ชาวเบตงและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซียที่สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก

อาจารย์อํามฤทธิ์ ชูสุวรรณ คณะบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า งาน Steert Art นั้น คือศิลปะที่สามารถพบเห็นได้ตามที่สาธารณะ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือตามข้างถนนทั่วไป ทั้งนี้คนส่วนใหญ่มักรู้จักสตรีทอาร์ทในอีกชื่อหนึ่งว่า กราฟฟิตี้ (Graffiti) หรือการพ่นผนังด้วยสเปรย์ แต่ความจริงนั้นยังรวมถึงงานประติมากรรม (Sculpture) การพ่นผนังด้วยสีสเปรย์ โดยมีบล็อกกั้นสี (Stencil Graffiti) การติดสติ๊กเกอร์ (Sticker Art) การแปะโปสเตอร์โดยใช้กาวทา (Wheat Pasting) และศิลปะการจัดวาง (Street Installation) เป็นต้น โดยกลุ่มศิลปินที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ได้แบ่งทีม เพื่อไปแต่งแต้มสีสัน ให้เมืองเบตง ทั้งหมด 11 จุด ทั้งบนผนัง กำแพง ใต้สะพาน และตัวอาคารหลายจุดรอบเมืองเบตง ซึ่งแต่ละจุดนั้น จะสะท้อนวิถีชีวิต ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาวเบตง ที่ผสมผสานอยู่ร่วมกันได้ รวมถึงอาหารและสัตว์ ประจำถิ่น ภาพกราฟฟิค และภาพแนวการ์ตูน ที่สะท้อนความสนุกสนานและสีสัน ความสดชื่น ดูแล้วไม่หดหู่ ให้กับผู้คนที่พบเห็น

ด้านนายเอกสิทธิ์ ศรีลาภรักษา คณะทำงานโครงการงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง กล่าวว่า อำเภอเบตง ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคราชการ ภาคเอกชนและประชาชนชาวอำเภอเบตง ร่วมกันเตรียมจัดงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง ที่จะมีขึ้น ในวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2560 นี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเมืองเบตง และเป็นการรำลึกถึงวิถีชีวิตของประชาชนในอำเภอเบตง และเป็นการประชาสัมพันธ์เมืองเบตง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวรวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ 

อีกทั้งเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวของอำเภอเบตง ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น จึงอยากขอเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง และบอกต่อข้อมูลการท่องเที่ยวในวันดังกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ให้มากๆ หรือสามารถติดตามความคืบหน้าของงานผ่านเพจ, ๑ ๑ ๑ เล่าขานตำนานเมืองเบตง , เบตงใต้สุดสยาม OK Betong และเฟสบุ๊คเรารักเบตง ได้อย่างต่อเนื่อง.
Betong Steert Art Painting

CR ภาพ Sanchay Baha