เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 พ.ย. 60 นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส พันตำรวจเอก ภักดี ปรีชาชน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครอง จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการณ์ เดินทางเข้าทำการพิสูจน์ทราบภายในสวนยางพาราบ้านละหาน ม.8 ต.ปะลุรู หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี พบแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืนสงครามของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้เดินเท้าไปตามถนนในร่องสวนยางพารา ห่างจากถนนในหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร พบอาวุธปืนเอ็ม.16 เอ 1 มีส่วนของลำกล้องปืนโผล่ออกมาจากพงหญ้าในลำธาร เมื่อนำออกมาพบว่าอยู่ในสภาพขึ้นสนิมไม่สามารถใช้งานได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการขูดสนิมออกจากตัวปืน พบอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มีหมายเลขทะเบียนปืน 9542963 ซึ่งคนร้ายได้บุกขโมยไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชครินทร์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547
ต่อมา นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี และ พันตำรวจเอก ภักดี ปรีชาชน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี จึงได้ร่วมกันวางแผนในการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เดินหน้ากระดานในรัศมี 50 เมตร เพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าพื้นที่ดังกล่าวในอดีตเคยเป็นแหล่งซ่องสุมและซุกซ่อนอาวุธของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยเน้นตรวจสอบบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบเสื้อเกราะสีดำ รุ่นบางระจัน จำนวน 1 ตัว ที่ซุกซ่อนอยู่ไว้ในพงหญ้าที่รกทึบ ห่างจากจุดพบอาวุธปืน เอ็ม.16 ประมาณ 100 เมตร ซึ่งอยู่ในสภาพแผ่นเหล็กที่ใช้เป็นเกราะกันกระสุนขึ้นสนิม และยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 5 ปลอก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าด้านหน้าของเสื้อเกราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ละความพยายามเดินหน้ากระดานออกไปจากจุดที่ 2 ประมาณ 30 เมตร พบถุงพลาสติกสีขาวมีสภาพเปื่อย ภายในบรรจุสายไฟฟ้าสีขาวไว้ จำนวน 2 ขด ซึ่งคาดว่า คนร้ายใช้สายไฟฟ้าดังกล่าวไปต่อวงจรกับตัวจุดชนวนระเบิด หลังเสร็จภารกิจเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้ง 3 รายการ มายัง สถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี เพื่อประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาทำการตรวจสอบของกลางดังกล่าว เผื่อที่จะสามารถขยายผลไปสู่กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้
ด้านนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี เปิดเผยว่า สถานที่ดังกล่าวสันนิษฐานกลุ่มผู้ไม่หวังดี เคยใช้เป็นสถานที่ซ่องสุม ซุกซ่อนอาวุธและวางแผนก่อเหตุร้าย แต่หลังจากสมาชิกกลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าว อาจจะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความระส่ำระสายและแยกย้ายกันหลบหนีออกจากพื้นที่ และได้ทิ้งของกลางทั้ง 3 ไว้ จนชาวบ้านมาพบเห็นดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น