กระแสฟีเวอร์จากปรากฏการณ์ตูน
บอดี้แสลม
นอกจากจะทำให้เยาวชนมุสลิมทั้งชาย-หญิงที่ได้เคยห่างหายจากการร่วมกิจกรรมในลักษณะของ
“พหุวัฒนธรรม” ไปนานมากแล้ว
เวลานี้พวกเขาได้เดินกลับมาเข้าร่วมกิจกรรมกับตูนด้วยความเต็มออกเต็มใจกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคมพหุวัฒนธรรมครั้งนี้แล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม
เราก็ยังได้เห็นปรากฏการณ์ของ “กลุ่มสุดโต่ง” ที่ยังคงพยายามสร้าง
“วัฒนธรรมเชิงเดี่ยว” อย่างเข้มข้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียโจมตีและประณามผู้ที่เป็นมุสลิม
โดยเฉพาะเยาวชนทั้งชายและหญิงที่เข้าร่วมกิจกรรมกับตูนในครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำ
“ผิดหลักการศาสนา” ทั้งในเรื่องการ “บริจาค” และเรื่องการ “เซลฟี่”
ถ่ายรูปกับตูนอย่างถึงพริกถึงขิง
นั่นแสดงให้เห็นว่า
“บีอาร์เอ็นฯ” และกลุ่มสุดโต่งต่างๆ ยังพยายามที่จะใช้เรื่องศาสนา
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของคนมุสลิมมาเป็นเครื่องมือข่มขู่ผู้ที่หวาดกลัว
ผู้ที่เข้าใจในเรื่องศาสนาแบบไม่ถึงแก่นแท้
เพื่อไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมในรูปแบบพหุวัฒนธรรม อันเป็นการอยู่ร่วมของคนทุกศาสนาในพื้นที่เดียวกัน
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
จึงยังสามารถชี้ชัดให้เห็นว่า บีอาร์เอ็นฯ และบรรดากลุ่มสุดโต่งต่างๆ
ยังคงใช้เรื่องของ “ศาสนา” เป็น “เครื่องมือ” เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับขบวนการ
เพราะเยาวชนคนมุสลิมหนุ่ม-สาวที่ออกมาร่วมกิจกรรมกับก้าวคนละก้าวกับตูน
คือกลุ่มมวลชนคนละกลุ่ม กับที่เป็น “มวลชนจัดตั้ง” ของบีอาร์เอ็นฯ
เพียงแต่ที่บีอาร์เอ็นฯ
ออกมาทำการข่มขู่และโจมตีกลุ่มเยาวชนหนุ่ม-สาวมุสลิมที่ออกมากิจกรรมกับตูน
เหตุผลสำคัญเพราะบีอาร์เอ็นฯ หวาดวิตกและหวั่นไหวว่า
หากให้กิจกรรมที่ได้รับการตอบรับจากมุสลิมหนุ่ม-สาวเกิดขึ้นบ่อยครั้งและต่อเนื่อง
อาจจะทำให้บีอาร์เอ็นฯ สูญเสียมวลชนได้
แถมการสร้างมวลชนรุ่นใหม่เข้าสู่ขบวนการทำได้ยากขึ้น
ดังนั้นถ้าจะเขียนให้ตรงประเด็นต้องเป็นดังนี้คือ
กิจกรรมก้าวคนละก้าวที่ทำโดยตูน บอดี้แสลม ถือเป็น “ของแสลง” บีอาร์เอ็นฯ กลัว!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น