7 พฤศจิกายน 2560

หมู่บ้านจัดตั้ง (อาเจาะ) ของบีอาร์อ็น


ถ้าพื้นที่ใดใน 3 จชต. มีการสังหารหรือทำร้ายคนแก่ ผู้หญิงหรือเป้าหมายที่อ่อนแอ ไม่มีทางต่อสู้โดยเฉพาะคนไทยพุทธ หรือข้าราชการเกษียณอายุ แสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้น BRN กำลังฝึกเยาวชนมลายูขั้นสุดท้าย ก่อนจะจบหลักสูตรเป็นการทดสอบการปฏิบัติการว่าสามารถทำได้ตามที่ได้ฝึกไว้หรือไม่ ถ้าเป้าหมายถูกทำลายและไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก็ถือว่าจบหลักสูตรเป็น RKK แล้วก็จะขึ้นทะเบียนและส่งไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เหมาะสม RKK ได้เล่าให้ฟังว่าในการปฏิบัติการครั้งแรกจะเกิดความกลัว ยิ่งเมื่อปฎิบัติการเสร็จใหม่ๆ กลัวเจ้าหน้าที่จะรู้ แต่สุดท้ายครูฝึกก็จะขู่ซ้ำจนต้องหลบช่อนตัวและต้องทำตามคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าถูกจับติดคุกถือว่าไปพักผ่อน และถ้าตายก็ได้ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าพิการพ่อแม่ญาติพี่น้องเท่านั้นที่จะต้องดูแลรักษากันเอง.. ตามยถากรรม
วันนี้จะเล่าถึงประชาชนมลายูในหมู่บ้านที่ BRN ได้จัดตั้งไว้ซึ่งได้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ด้วยกันคือ
กลุ่มที่1 เป็นกลุ่มที่เป็นสมาชิกของ BRN และ BAN ได้กำหนดให้เป็นผู้ทำการขับเคลื่อนงานปฏิวัติตามยุทธศาสตร์ 5 ข้อที่ได้เล่าไปก่อนแล้ว ซึ่งมาจากหลากหลายอาชีพและทุกวัยของสังคมในพื้นที่ 3 จชต. จะทำหน้าที่ต่อสู้กับรัฐไทย โดยมีนักศึกษาและครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเป็นแกนหลักในการสร้างประชาชนมลายูกลุ่มนี้ให้เป็นสมาชิกเรียกว่า มาชาหรือ มวลชน BRN” จะป้องกันไม่ให้รัฐดึงมวลชนกลุ่มนี้ออกมาจากการเป็นสมาชิก BRN โดยใช้ยุทธศาสตร์ป้องกันมวลชนดังที่กล่าวมาแล้ว กลุ่มนี้มี 40%
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มคนมลายูที่ต้องการอยู่กับรัฐและต่อต้าน BRN ซึ่งมีน้อยมากเพราะมีความเสี่ยงในการดำรงชีวิตประจำวันวัน และหาก BRN ทราบว่าคนเหล่านี้ต่อต้านก็จะถูกฆ่าเพราะถือว่าเป็น พวกโมนาฟิก (ทรยศ) ฆ่าได้ไม่บาป ได้แก่พวกข้าราชการมลายูผู้ปกครองท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ กลุ่มนี้จะถูกตรวจสอบอยู่เสมอว่าต่อต้าน BRN หรือไม่ แต่ BRN ยินยอมให้มีอยู่ในหมู่บ้านได้ไม่เกิน 5%
กลุ่มที่ 3 กลุ่มนี้ไม่อยู่กับรัฐบาลและไม่อยู่กับ BRN อยู่เพื่อเอาตัวรอด อยู่เพื่อความปลอดภัยอย่างเดียว เป็นกลุ่มที่มีความรู้ด้านศาสนาหรือด้านสามัญ และมีหน้ามีตาในสังคมเพราะรู้ดีว่าถ้าเข้ากับBRN ก็จะถูกจับกุม ถ้าเข้ากับรัฐก็จะถูกฆ่า ประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ให้ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับ BRN  และ BRN ก็จะไม่ทำอันตรายใดๆ ถ้าไม่ไปขัดขวางงานของ BRN กลุ่มนี้ BRN ให้มีในหมู่บ้านได้10%
กลุ่มที่ 4 กลุ่มนี้คือผู้ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักได้แก่นักการเมือง พ่อค้า นักุธุรกิจ เป็นกลุ่มที่ชอบฉกฉวยโอกาส ถ้ามีเหตุรุนแรงก็จะอยู่เงียบๆ แต่ถ้ามีผลประโยชน์จะเคลื่อนไหว BRN ไม่ต้องการเอาเป็นสมาชิก แต่ถ้าหากไปอยู่กับฝั่งรัฐบาลก็จะถูกตักเตือนหรือถูกทำร้ายทันที กลุ่มนี้จะรอโอกาสเคลื่อนไหวถ้าได้ผลประโยชน์ แต่ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ก็จะออกจากพื้นที่ทันที กลุ่มนี้ BRN ยอมให้อยู่ในหมู่บ้านได้ 5%
กลุ่มที่ 5 คือกลุ่มประชาชนมลายูทั่วไปจะไม่รู้เรื่องราวของ BRN แต่อย่างใด แต่รู้ว่าใครทำดีก็ดีด้วย ใครทำไม่ดีก็ไม่ดีด้วย BRN จึงหวงแหนประชาชนกลุ่มนี้และจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตีสนิท เพราะถ้าประชาชนกลุ่มนี้ไปอยู่กับรัฐ งานปฏิวัติของ BRN จะทำได้ลำบากเพราะประชาชนกลุ่มนี้ก็เป็นเจ้าของพื้นที่และจะมีจุดยืนไปตามกระแสสังคม เช่น BRN บอกว่าการต่อสู้กับรัฐเป็นเรื่องศาสนา พวกเขาก็ยอมรับ แต่ถ้ารัฐมาทำความดีกับเขา พวกเขาก็ยอมรับ ดังนั้นประชาชนกลุ่มนี้ BRN จะมียุทธศาสตร์ป้องกันมวลชน ไม่ยอมเสียมวลชนกลุ่มนี้ไปอยู่กับรัฐ เหมือนกลุ่มที่ 1
เพราะประชาชนมลายูกลุ่มนี้ เป็นต้นทุนสำรองมวลชนของ BRNนั่นเอง ในแต่ละหมู่บ้านจะมี 40%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น