28 พฤษภาคม 2560

ฟิลิปปินส์แฉ“นักรบจีฮัด”จากมาเลย์และอินโดฯ ร่วมบุกยึดเมืองมาราวี วางแผนตั้ง “จังหวัดไอเอส”


ทางการฟิลิปปินส์แฉ“นักรบจีฮัด”จากมาเลย์และอินโดฯ ร่วมบุกยึดเมืองมาราวี วางแผนตั้ง “จังหวัดไอเอส” บนเกาะมินดาเนา ขณะที่กองทัพสั่งถล่มหนักเพื่อยึดเมืองคืน ส่งผลยอดตายพุ่งเกือบครึ่งร้อย ด้าน“อิเหนา”ผวาทั้งประเทศ หลัง“ไอเอส”ยันอยู่เบื้องหลังบึ้มพลีชีพกลางกรุงจาการ์ตา ส่วนแม่มือระเบิด “แมนชสเตอร์” ปูดลูกโทรหาก่อนกดบึ้ม บอก “ยกโทษให้ผมด้วย” ผงะ!อดีตนายกฯกรีซโดนจดหมายระเบิดเจ็บสาหัส

                ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงง่ายๆ สำหรับวิกฤตการณ์ก่อการร้ายในประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังจากกลุ่มติดอาวุธ “เมาเต” ซึ่งประกาศตัวเป็นเครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ยังคงปักหลักยึดเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา ของฟิลิปปินส์ เพื่อต่อสู้กับทหารรัฐบาลอย่างดุเดือดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตได้พุ่งสูงขึ้นจนเกือบถึง 50 คนแล้ว ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกมาประกาศข่าวอันน่าตกใจว่า ปฏิบัติการยึดเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเพียงนักรบสัญชาติฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ยังมีนักรบต่างชาติมาเข้าร่วมด้วย

ฟิลิปปินส์พบนักรบต่างชาติร่วมยึดเมือง

                โดย นายโอเซ คาลิดา รองอธิบดีอัยการฟิลิปปินส์ ได้ออกมาแถลงถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า ผลการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของกลุ่มติดอาวุธที่เสียชีวิตจากการปะทะกับทหารในเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา พบว่า มีนักรบชาวมาเลเซียและอินโดนีเซีย เข้าร่วมขบวนการนักรบจิฮัดในพื้นที่ก่อเหตุความไม่สงบในเมืองมาราวีอยู่ด้วย

แฉเป้าตั้งจังหวัดไอเอส-ฆ่าคนศาสนาอื่น

                นายคาลิดา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุเป็นเพียงกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่นธรรมดา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์เดียวกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ไปแล้ว เขากล่าวอีกว่า กลุ่มเมาเต ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในฟิลิปปินส์ และกลุ่มไอเอส ต้องการที่จะสร้างจังหวัดไอเอสขึ้นบนเกาะมินดาเนา และเป้าหมายโจมตีของพวกเขาไม่ใช่แค่รัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งชาวคริสต์และชาวมุสลิม ที่ถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต และว่าสิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้คือ กลุ่มไอเอสได้ปลูกฝังความรุนแรงในหัวเยาวชนของฟิลิปปินส์ไปเป็นจำนวนมากแล้ว

ยอดตายพุ่งพรวดเกือบครึ่งร้อย

                ขณะที่เหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มติดอาวุธ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา กองทัพฟิลิปปินส์ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์และกองกำลังลงปฏิบัติการในพื้นที่ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 46 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 15 นาย และสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 31 คน ขณะที่ นายอิสนิลอน ฮาปิลอน ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายคนสำคัญของเอเชีย ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองมาราวี โดยกลุ่มติดอาวุธได้ให้ความช่วยเหลือไว้

                อย่างไรก็ตาม กองทัพฟิลิปปินส์ กำลังพยายามยึดเมืองมาราวีกลับคืนมาอย่างเต็มที่ ขณะที่ชาวบ้านหลายพันคนยังคงทยอยอพยพออกจากพื้นที่จังหวัดมาราวี ซึ่งมีประชากรราว 200,000 คนอย่างต่อเนื่อง

“ไอเอส”ยืนยันบงการบึ้มอินโดนีเซีย

                ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดพลีชีพ 2 ระลอกที่สถานีรถโดยสารกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อคืนวันพุธ ซึ่งทำให้ตำรวจเสียชีวิต 3 นายและมีผู้บาดเจ็บอีกนับสิบคนนั้น สำนักข่าวอามัก ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงของกลุ่มไอเอส รายงานเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีว่า เหตุโจมตีในอินโดนีเซียเป็นการกระทำของนักรบกลุ่มไอเอส ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้ออ้างดังกล่าวเชื่อถือได้ และมั่นใจว่ากลุ่มเจมาห์อันชารัต ดอลาห์ (เจเอดี) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในท้องถิ่นเครือข่ายกลุ่มไอเอส เป็นผู้ก่อเหตุระเบิดโจมตีสถานีรถโดยสารกัมปุงเมลายูด ที่มีผู้คนหนาแน่นในกรุงจาการ์ตาเมื่อคืนวันพุธ ทำให้ร่างผู้เสียชีวิตและเศษกระจกกระจายทั่วพื้นที่ ผู้คนตื่นตกใจมาก

                ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายพิเศษ ร่วมกับตำรวจบุกค้นบ้านหลายหลังที่เมืองบันดุง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงจาการ์ตา สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดได้ 2 คน ส่วนผู้ต้องสงสัยชายอีกคนถูกจับกุมได้ที่ย่านจิมาฮี ในเมืองบันดุงเช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ยังพบเอกสารคำสอนอิสลามและอาวุธมีด ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า ระเบิดที่ใช้เป็นหม้อแรงดันสูง คล้ายกับที่สมาชิกกลุ่มเจเอดี ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นเชื่อมโยงกลุ่มไอเอสเคยใช้ก่อเหตุที่เมืองบันดุงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ครั้งนั้นคนร้ายจุดระเบิดในสวนสาธารณะแล้ววิ่งเข้าไปในที่ทำการรัฐบาล ก่อนถูกตำรวจยิงวิสามัญ

คุมตัวต้องสงสัยเอี่ยวบึ้มอังกฤษ 8 ราย

ส่วนความคืบหน้าเหตุระเบิดฆ่าตัวตายกลางคอนเสิร์ต อาเรียนนา แกรนเด ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 22 รายนั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงติดตามไล่ล่าเครือข่ายมุสลิมที่เกี่ยวพันกับลิเบียที่คาดว่าอยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้ และสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติมอีก 1 ราย ในเขตมอสไซด์ชานเมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้จนถึงขณะนี้มีชาย 8 คนที่ยังคงถูกควบคุมตัวไว้ ภายหลังจากที่ชาย 1 คนและหญิง 1 คนได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ได้ตั้งข้อหา

เผยมือระเบิดโทร.ขอโทษแม่ก่อนบึ้ม

ด้านเว็บไซต์เดอะ ซัน หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า นายซัลมาน อาเบดี วัย 22 ปีชาวอังกฤษเชื้อสายลิเบีย ซึ่งเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ก่อเหตุที่เมืองแมนเชสเตอร์ ของอังกฤษ ได้โทรศัพท์ไปหานางซาเมีย แทบบัล แม่ของเขาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ ที่ประเทศลิเบีย และบอกแม่ว่า ‘ยกโทษให้ผมด้วย’ ก่อนลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญไม่กี่ชั่วโมง ทำให้หลังจากนั้น ผู้เป็นแม่รวมทั้งพ่อของเขาในกรุงทริโปลีของลิเบีย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวมาสอบถามเรื่องราวของ นายอาเบดี โดยแม่ของเขาได้เผยกับตำรวจว่า ลูกชายได้โทรศัพท์มาหาเธอ และพูดคุยกันนานถึง 15 นาที ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ขณะที่โฆษกของตำรวจหน่วยปราบปรามพิเศษยังอ้างว่า นางซาเมียได้เผยว่า ซัลมาน ลูกชายของเธอ ได้เดินทางออกจากลิเบียไปยังอังกฤษ เพียง 4 วันก่อนลงมือก่อเหตุ

ผงะ! บึ้มอดีตนายกฯ กรีซสาหัส

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดด้วยจดหมายในรถยนต์ “ลูคัส ปาปาเดมอส” อดีตนายกรัฐมตรี และประธานธนาคารกลางกรีซ ได้รับบาดเจ็บระหว่างที่เขากำลังอ่านจดหมายบนเบาะหลังของรถ ซึ่งนอกจาก นายปาปาเดมอส แล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัวของเขา 2 คนก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม อดีตประธานธนาคารกลางกรีซ วัย 69 ปีรายนี้ อยู่ในรถเมอร์เซเดสกันกระสุนที่ได้รับมอบจากธนาคารกลาง จึงช่วยจำกัดความเสียหายจากอานุภาพของแรงระเบิดได้ในระดับหนึ่ง โดยเขาถูกนำตัวส่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาบาดแผลบริเวณท้องและขา ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเอเธนส์เป็นการด่วน และอาการปลอดภัยแล้ว

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มอนาธิปไตยกรีซ ได้ส่งจดหมายระเบิด ที่ทำให้เลขานุการประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)คนหนึ่ง ในกรุงปารีส ได้รับบาดเจ็บ

ที่มา:http://www.naewna.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น