เผยโฉม 2 แกนนำ !! ป่วนใต้ เบื้องหลัง แก๊งบึ้ม “บิ๊กซี”
ปัตตานี มี 4 คน ใช้ถังแก๊ส 2 ลูก ยัดระเบิด 100 กก. ตร.เร่งช่วย เจ้าของกระบะ “คาร์บอม.
เจ้าหน้าที่ EOD และพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเหตุคาร์บอมบ์หน้าห้างบิ๊กซี ปัตตานี
พบคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องเป็นถังแก๊ส 2 ลูก
น้ำหนักระเบิดเกือบ 100 กก.ส่วนคนร้ายวงจรปิดจับภาพได้ 4 คน ตรวจสอบพบมีประวัติโชกโชน ส่วนเจ้าของรถกระบะ เร่งตามหา
หวั่นโดนสังหาร.
จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี
อ.เมืองปัตตานี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 ราย โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พ.ค.60
บรรยากาศที่ห้างบิ๊กซี ได้การปิดทางเข้าออกห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน
นอกจากเจ้าหน้าที่และพนักงาน โดยมีพนักงานคอยเฝ้าประตูตลอดเวลา
ขณะที่ความเสียหายนั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งยังไม่สามารถรื้อ
หรือซ่อมแซมได้เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจดำเนินการในทางคดีก่อนที่จะมีการเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย
โดยหลังเกิดเหตุก็มีประชาชนเดินทางมาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจำนวนมาก.
โดยในช่วงเช้าเวลา
8.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กว่า 30 นายได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาวัตถุพยานอีกครั้ง
หลังจากเมื่อวานนี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้โดยมีการกระจายกำลังจัดแถวหน้ากระดานเดินเพื่อค้นหาวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์
โดยเฉพาะชิ้นส่วนระเบิด เบื้องต้นก็พบว่า
ระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นเป็นระเบิดแสวงเครื่อง
ที่มีการประกอบและเชื่อมต่อวงจรเสร็จเรียบร้อยแล้วเพียงนำมาวางไว้ในรถ เป็น
ระเบิดบรรจุในถังแก๊สจำนวน 2 ลูก น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม
โดยดูจากความรุนแรงที่คล้ายกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานีเมื่อกลางปีที่ผ่านมา.
ขณะที่ความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายนั้น
ล่าสุดหลังจากตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุมีทั้งหมด 4 คน โดย 2 คนเป็นคนนำรถคาร์บอมบ์ขับเข้ามาจอด
ส่วนอีก 2 คนขับรถ จยย.มาจอดรอด้านหน้าห้าง
ซึ่งแนวทางการสืบสวนขณะนี้เจ้าหน้าที่มีเบาะแสของคนร้ายทั้งหมดแล้ว ว่าใครเป็นใคร
หลังจากได้มีการตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานของทั้ง 4
คนจากภาพวงจรปิดมีลักษณะตรงตามข้อมูลและแฟ้มประวัติคดีความมั่นคง
เพียงรอผลการยืนยันจากพยานหลักฐานอื่นๆ มาประกอบ.
ในเบื้องต้นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับมือระเบิดที่เคยถูกออกหมายจับแล้ว
2 คน คือ นายอับดุลรอเซ๊ะ สาแม หมายจับคดีเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ร้านอาหาร
มิดติ้ง ติดกับฐาน นปพ.ใกล้ฐานตะวัน ปัตตานีคอนกรีต เมืองปัตตานี เมื่อวันที่26 ก.พ.2559 และ นายอายุ ดอเลาะ
คดีระเบิดคาร์บอมบ์โรงแรมเซาเทิร์นวิวปัตตานี เมื่อวันที่ 24
ส.ค.2559 นอกจากนี้อาจจะเชื่อมโยงกลุ่มของ นายเสรี แวมามุ
และ นายบูคอลี หลำโซ๊ะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งทั้งสองคนอาจจะเข้ามาร่วมก่อเหตุในการปล้นรถกระบะของ
นายนุสน ขจรดำ ชาวจังหวัดยะลา โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า การกระทำครั้งนี้มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพื้นที่ปะกาฮารังและกลุ่มหนองจิก
ในส่วนของการติดตามค้นหาตัว นายนุสน ขจรดำ เจ้าของรถนั้น.
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์
เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน จ.ปัตตานี และ
สภ.หนองจิก ประสานกับผู้นำท้องถิ่นให้ค้นหานายนุสน ขจรดำ
ว่าอยู่ในพื้นที่หรือยังมีชีวิตหรือไม่
เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้มีการติดตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือก็พบว่ามีการใช้มือถื
อและ ขาดการติดต่อล่าสุดบริเวณ ต.มะพร้าวต้นเดียว อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ซึ่งเชื่อว่า นายนุสน น่าจะถูกคนร้ายลวงให้มาติดตั้งผ้าใบในพื้นที่ดังกล่าว
เนื่องจากคนร้ายรู้ว่า นายนุสน ทำงานไปไหนมาไหนเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนต่างระดมกำลังช่วยกันตามหานายนุสนอย่างเต็มที่
แต่ยังไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น