11 พฤษภาคม 2560

เปิด “เบอร์ญีฮาด ดิ ปัตตานี”เจอคำตอบ ! ระเบิดบิ๊กซี ทำไมโจรใต้ไม่แคร์ผู้บริสุทธิ์ –ไม่สนโลกประณาม


เหตุระเบิด ห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อบ่ายวันที่ 9 พฤษภาคม 2560  ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากไม่เลือกเพศ วัย และศาสนา โดยผู้ก่อเหตุ ปรับเป้าหมายไปที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์แทนเจ้าหน้าที่ของรัฐ และแม้กลุ่มผู้ก่อเหตุจะประเมินผลที่ตามมาได้ว่า จะต้องเผชิญกับปฏิกิริยาด้านลบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นความสูญเสียที่เกิดต่อเด็กและสตรี ที่เป็นชาวมุสลิมด้วย   แต่ก็ยังเดินหน้าก่อเหตุ โดยที่กลุ่มโจรใต้ ไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งผิด ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นการต่อสู้ในหนทางของศาสนาหรือ ญีฮาด เพื่อแบ่งแยกดินแดน ของผู้ศรัทธาที่แท้จริง  ตามแนวทางคำสอนของผู้นำ 

โดยเบื้องหลังของความคิดความเชื่อนี้ ยืนยันได้จาก เอกสาร เบอร์ญีฮาด ดิ ปัตตานีหรือ การต่อสู้ (ในทางศาสนา) ที่ปัตตานี”  ซึ่งเขียนขึ้นด้วยลายมือเป็นภาษามลายู จำนวน 65 หน้า เนื้อหาปลุกความรู้สึกชาติพันธุ์นิยม โดยนำเอาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และคำสอนของศาสนา มาเป็นเครื่องมือในการสร้าง หรืออธิบายความชอบธรรมในการก่อความรุนแรง ทั้งนี้ทางการไทยยึดเอกสารดังกล่าวมาได้ตั้งแต่ปี 2547  และส่งให้สำนักจุฬาราชมนตรี ศึกษาหาทางแก้ไข และชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบไปแล้วก่อนหน้านี้


อย่างไรก็ตามเนื้อหาในเอกสาร ได้ตีแผ่ให้เห็นเบื้องหลังความคิดของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไฟใต้ โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับ การทำสงคราม ญีฮาดซึ่งตอบคำถามความรุนแรงที่เกิดกับเป้าหมายประชาชนผู้บริสุทธิ์ครั้งล่าสุดได้เป็นอย่างดี
แนวคิดอีกประการหนึ่งในเอกสารนี้คือ การพยายามแบ่งคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกเป็นสามกลุ่มกลุ่มแรกคือ ผู้ที่เห็นด้วยและว่าการต่อสู้ตามแนวทางดังกล่าว เพื่อแบ่งแยกดินแดนถือว่าเป็นมุสลิมที่ถูกต้อง เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง (มุอ์มีน) และถ้าหากเขาได้ร่วมต่อสู้และตายไปพวกเขาคือ "ชะฮีด" กลุ่มที่สองคือ บรรดามุสลิมผู้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเขา เขาเรียกมุสลิมกลุ่มนี้ว่า คนทรยศกลับกลอก (มุนาฟิก) แม้คนกลุ่มนี้จะปฏิบัติศาสนาอย่างเคร่งครัด ดำเนินชีวิตอยู่ในหลักคำสอนของอิสลามอย่างแท้จริง คนกลุ่มที่สามคือ ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม เขาเรียกว่า คนนอกศาสนา (กาฬิร หรือมุชริก) ดังนั้น หน้าที่ของคนกลุ่มแรกคือ ขจัดคนกลุ่มที่สอง และสามให้สิ้นซาก ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วย และขัดขวางพวกเขา เป็นคนทรยศให้ฆ่าเสียซึ่งอิสลาม (ตามทัศนะของคนกลุ่มนี้) อนุญาตให้ฆ่าได้คนกลุ่มนี้คำชี้แจงของสำนักจุฬาราชมนตรีระบุ


ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวได้เรียบเรียงโดยแบ่งเป็นวัน ๆ รวมเจ็ดวัน หรือเจ็ดขั้นตอนดังนี้     
     
วันที่ 1  ปลุกใจให้ฮึกเหิม ให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดน เป็นการต่อสู้ในทางศาสนา
วันที่ 2  ปลุกใจให้คนที่ต่อสู้ว่าอย่าได้กลัว เพราะคนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้ดินแดนคืนมา หากเขาตายก็จะตายอย่างนักรบ ศักดิ์สิทธิ์หรือชะฮีด 
วันที่ 3 ขยายผลจากวันที่ 2 ในแนวคิดเกี่ยวกับคนทรยศ (มุนาฟิก) ชี้ให้เห็นว่ามุสลิมคนใดก็ตาม แม้จะเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนาเพียงใด แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ ตามแนวทางของพวกเขา ก็ต้องถือเป็นคนทรยศ หรือมุนาฟิก (คนกลับกลอก) ซึ่งต้องตกนรก 
วันที่  4 ได้เสนอแนวทางการปฏิบัติตน เริ่มตั้งแต่การปฏิบัติต่อผู้ร่วมดำเนินการการเชื่อฟังผู้นำ ความกล้าหาญในการฆ่าศัตรู และให้มีความอดทนในการก่อการต่าง ๆ 

บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่ 4
                    บทบัญญัติ  3:151  (ซูเราะฮ์ ที่ 3  อาละอิมรอน  อายะฮ์ที่ 151)
                    "เราจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฎิเสธศรัทธาเหล่านั้น เนื่องจากการที่พวกเขาให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์มิได้ให้หลักฐานใด ๆ มายืนยันในสิ่งนั้น และที่อยู่ของพวกเขาคือ ขุมนรก ช่างเลวร้ายจริง ๆ ซึ่งที่อยู่ของบรรดาผู้อธรรม "
                    บทบัญญัติ 3:28  (ซูเราะฮ์ที่ 3  อาละอิมรอน  อายะฮ์ที่ 28)
                    "ผู้ศรัทธาทั้งหลายนั้นจงอย่าได้ยึดเอาบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากบรรดามุมิน และผู้ใดทำเช่นนั้น เขาย่อมไม่อยู่ในสิ่งใดที่มาจากอัลลอฮ์ นอกจากพวกเจ้าจะป้องกัน (ให้พ้นอันตราย)  จากพวกเขาจริง ๆ เท่านั้น และอัลลอฮ์เตือนพวกเจ้าให้ยำเกรงในอัลลอฮ์ และยังอัลลอฮ์นั้นคือ การกลับไป (ของพวกเจ้า)

                    บทบัญญัติ 3:118  (ซูเราะฮ์ที่ 3  อาละอิมรอน  อายะฮ์ที่ 118)
                    "ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาเพื่อนสนิทที่รู้เห็นกิจการภายในอื่นจากพวกของเจ้าเอง ซึ่งเขาเหล่านั้น จะไม่ลดละแก่พวกเจ้า ในการก่อความเสียหายให้เกิดขึ้น พวกเขาชอบการที่พวกเจ้าลำบาก แท้จริงความเกลียดชังต่าง ๆ ได้เผยออกมาแล้ว จากปากของพวกเขา และสิ่งที่หัวอกของพวกเขาซ่อนไว้นั้น ใหญ่ยิ่งกว่าแน่นอน เราได้แจกแจงบรรดา บทบัญญัติไว้แก่พวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าใช้ปัญญากัน"

                    บทบัญญัติ 8:46   (ซูเราะฮ์ที่ 8  อัล อัมฟาล  อายะฮ์ที่ 46)
                    "และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และรอซูลของอัลลอฮ์เถิด และจงอย่าขัดแย้งกัน จะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ และทำความเข็มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นอยู่กับผู้ที่อดทนทั้งหลาย"

                    บทบัญญัติ  4:19  (ซูเราะฮ์ ที่ 4  อัน - นิซาอ์  อายะฮ์ที่ 19)
                    "ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ไม่อนุมัติแก่พวกเจ้า การที่พวกเจ้าจะเอาบรรดาหญิงเป็นมรดกด้วยการบังคับ และไม่อนุมัติเช่นเดียวกัน การที่พวกเจ้าจะขัดขวางบรรดานางเพื่อพวกเจ้าจะเอาบางส่วนของสิ่งที่พวกเจ้าได้ให้แก่พวกนาง นอกจากว่าพวกนางจะกระทำสิ่งลามก อันชัดแจ้งเท่านั้น และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันอัลลอฮ์ก็ให้มีในสิ่งนั้น ซึ่งความดีอันมากมาย"

                    บทบัญญัติ 2:190  (ซูเราะฮ์ที่ 2  อัล - บะเกาะเราะฮ์  อายะฮ์ที่ 190)
                    "และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ชอบบรรดาผู้รุกราน"

 บทบัญญัติ 2:191  (ซูเราะฮ์ที่ 2  อัล - บะเกาะเราะฮ์  อายะฮ์ที่ 191)
                    "และจงประหัตประหารพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าพบพวกเขา และจงขับไล่พวกเขา ออกจากที่ ที่พวกเขาเคยขับไล่พวกเจ้าออก และก่อความวุ่นวายนั้น ร้ายแรงยิ่งกว่าการประหัตประหารเสียอีก และจงอย่าสู้รบกับพวกเขา ณ อัล - มัสยิดิลฮะรอม จนกว่าพวกเขาจะทำร้ายพวกเจ้าในที่นั้น หากพวกเขาทำร้ายพวกเจ้าแล้ว ก็จงประหัตประหารพวกเขาเสีย เช่นนั้นแหละคือ การตอบแทนแก่ผู้ปฎิเสธศรัทธา"

                    บทบัญญัติ 2:193  (ซูเราะฮ์ที่ 2  อัล - บะเกาะเราะฮ์  อายะฮ์ที่ 193)
                    "และจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าการก่อความวุ่นวาย จะไม่ปรากฎขึ้น และจนกว่าการ อิบาดะฮ์ ทั้งหลายจะเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น แต่หากพวกเขายุติ ก็ย่อมไม่มีการเป็นปฎิปักษ์ใด ๆ นอกจากแก่บรรดาผู้อธรรมเท่านั้น"

                    บทบัญญัติ 2:195  (ซูเราะฮ์ที่ 2  อัล - บะเกาะเราะฮ์  อายะฮ์ที่ 195)
                    "และพวกเจ้าจงบริจาคในทางของอัลลอฮ์ และจงอย่าโยนตัวของพวกเจ้าสู่ความพินาศและจงทำดีเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ชอบผู้ทำดีทั้งหลาย"

                    บทบัญญัติ 9:20  (ซูเราะฮ์ที่ 9  อัต - เตาบะฮ์  อายะฮ์ที่ 20)
                    "บรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ และต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขา ย่อมเป็นผู้มีลำดับชั้นยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และชนเหล่านยี้แหละพวกเขาคือผู้มีชัยชนะ"

                    บทบัญญัติ 3:200  (ซูเราะฮ์ที่ 3  อาละอิบรอน  อายะฮ์ที่ 200)
                    "บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะมีความอดทนและจงต่างอดทนซึ่งกันและกัน และจงประจำอยยู่ชายแดน และพึงเกรงกรัวอัลลอฮ์เถิด เพื่อว่าพวกเจ้าบจะได้รับความสำเร็จ"

วันที่ 5  เป็นการปลุกความรู้สึกการต่อสู้และชี้ให้เห็นถึงโทษ หรือบาปของผู้ที่ไม่ยอมออกไปต่อสู้ร่วมกับพวกเขา พยายามปลุกให้ฮึกเหิม โดยให้เชื่อว่าการต่อสู้ของพวกเขานั้น พระเจ้าจะอยู่ข้างพวกเขา 
 วันที่ 6  เป็นการปลุกให้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนออกปฏิบัติการ โดยเริ่มตั้งแต่การขออภัยโทษในความผิดบาปของตน (เตาบะฮ์) ให้มีความรู้สึกรักการตายในหนทางของศาสนาไม่มีความเกรงกลัวภัยใด ๆ เพราะได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้าแล้ว

วันที่ 7  สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติการว่า อาจมีมุสลิมบางคนไม่เห็นด้วย ก็ขออย่าได้กังวล เพราะพระเจ้าได้ประทับตราให้หัวใจพวกเขามืดบอด ไม่สามารถเห็นสัจธรรมได้ ไม่ต้องกังวลต่อการฆ่าคนนอกศาสนา และให้ปฏิบัติดีต่อมุสลิม โดยอธิบายว่า การฆ่าคนนอกศาสนา และแม้แต่การฆ่าญาติพี่น้องพ่อแม่ ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการสร้างความโปรดปรานแก่พระเจ้า

ทั้งนี้บทบัญญัติในคัมภีร์กุรอ่านที่นำมาอ้างในวันที่ 7  คือ
                    บทบัญญัติ 3:139  (ซูเราะฮ์ที่ 3  อาละอิมรอน  อายะฮ์ที่ 139)
                    "และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ และพวกเจ้านั้นคือ ผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา"
                    บทบัญญัติ 3:150  (ซูเราะฮ์ที่ 3  อาละอิมรอน  อายะฮ์ที่ 150)
                    "แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากคือผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ดีเยี่ยมในบรรดาผู้ช่วยเหลือทั้งหลาย"
                    บทบัญญัติ 5:47  (ซูเราะฮ์ที่ 5  อัล - มาอิดะฮ์  อายะฮ์ที่ 47)
                    "และบรรดาผู้ที่ได้รับ อัล - อินญีล  ก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาในนั้น และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วย สิ่งที่อัลลอฮ์ได้ให้ลงมาแล้ว ชนเหล่านั้นคือ ผู้ที่ละเมิด "
                    บทบัญญัติ 8:17  (ซูเราะฮ์ที่ 8 อัล - อัมฟาล  อายะฮ์ที่ 17)
                    "พวกเจ้ามิได้ฆ่าพวกเขาแต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ฆ่าพวกเขา และเจ้ามิได้ขว้าง ขณะที่เจ้าขว้าง แต่ทว่าอัลลอฮ์ต่างหากที่ขว้าง และเพื่อว่าวอัลลอฮ์จะทดสอบบรรดาผู้ศรัทธาอย่างงดีงามจาออัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นได้ยิน รอบรู้"
                    บทบัญญัติ 4:58  (ซูเราะฮ์ที่ 4  อัน - มิซาอ์  อายะฮ์ที่ 58)
                    "แท้จริงอัลลอฮ์ใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮ์แนะนำด้วยเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ได้ยินและเห็น"
                    บทบัญญัติ 5:9  (ซูเราะฮ์ที่ 5  อัล - มาอิดะฮ์  อายะฮ์ที่ 9)
                    "และอัลลอฮ์ได้สัญญาแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายว่า สำหรับพวกเขานั้นคือการอภัยโทษ และรางวัลอันยิ่งใหญ่"

เรียบเรียงโดย
ชรินทร์ แช่มสาคร : สำนักข่าวทีนิวส์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น