“ทีมงูเต๊ะ”คือ ทีมก่อเหตุของ ผกร.
ปล่อยข่าววางแผนใส่ร้ายโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะทำการก่อเหตุ ทีมงูเต๊ะ
หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไรว่ะ!! “ภาษามลายู” แปลว่า “ทีมเก็บกวาดล้าง” หรือ
“ทีมล่าสังหาร”
ถ้าใครตามสื่อของแนวร่วมจะพบว่ามีการผลิตภาพพร้อมข้อความเพื่อพยายามชี้นำว่า “ทีมงูเต๊ะ”คือ “ทีมล่าสังหารของเจ้าหน้าที่ ”ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแผนการของกลุ่มขบวนการในการเตรียมการก่อเหตุก่อนเข้าสู่ห้วงเดือนรอมฎอนรวมถึงการครบรอบของวันเชิงสัญลักษณ์
ของกลุ่มขบวนการ เช่น ตากใบ กรือเซะ
“วันสถาปนาของกลุ่มขบวนการ”การปล่อยข่าวลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกปีหรือเกือบทุกเดือนก่อนการก่อเหตุเสมอ
เพื่อหวังก่อเหตุแล้วโยนความผิดใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือการกระทำของเจ้าหน้าที่
จากการรวบรวมข้อมูลหลักฐานพบว่า“ทีมงูเต๊ะ ผกร.”ที่ก่อเหตุหลังจากผลิตภาพลงสื่อสังคมออนไลน์กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่
พบว่าคดีแต่ละครั้งที่ก่อเหตุ
ผลการตรวจพิสูจน์พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับ ผกร. ในพื้นที่ทุกคดี
ซึ่งขอยกตัวอย่างคดีในห้วงเดือนรอมฏอนในปีที่แล้ว เช่น เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน
2559 เหตุการณ์คนร้ายยิง นายอับดุลเลาะ โด อายุ 56 ปี
โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดดารุนมูไฮมี เสียชีวิต
ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์บริเวณหน้ามัสยิสตาแกะ บ้านกุหมัง หมู่ 4 ตำบลตาแกะ
อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ความจริงที่ถูกบิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือหน่วยงานความมั่นคงที่ลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
นั่นคือแผนการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มขบวนการที่ต้องการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการฆ่าผู้นำศาสนาแล้วกล่าวหาเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ผลการตรวจสอบวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากการตรวจรองกระสุนปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ที่ตกในที่เกิดเหตุ
พบว่ามีความเชื่อมโยงคดีในสารบบที่คนร้ายเคยทำก่อเหตุมาแล้วถึง 17 คดี
มีผู้เสียชีวิต 15 ราย นับตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน
ส่วนคดีสำคัญที่เชื่อมโยงคนร้ายกลุ่มนี้คือ
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 ได้มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ประกบยิง
นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี เสียชีวิตกลางตลาด
ขณะเดินจับจ่ายซื้ออาหารในช่วงเดือนรอมฎอน
เหตุการณ์เมื่อวันที่
3 กรกฎาคม 2559 เวลา 07.30 น. ความชั่วของโจรใต้มีการซุกระเบิดบริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหาเพื่อทำการก่อเหตุ
แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ EOD
ทำการตรวจเจอและทำลายเสียก่อน
มิเช่นนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เดินทางผ่านไปมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาหาหมอที่โรงพยาบาล
เหตุการณ์เมื่อวันที่
3 กรกฎาคม 2559 เวลา 14.30 คนร้ายลอบวางระบิดทางรถไฟ บริเวณ
ม.4 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้รางรถไฟขาด
ขบวนรถไฟไม่สามารถวิ่งให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้ ต้องหยุดให้บริการในทันที
จำนวน 6 ขบวนด้วยกัน ประชาชนที่ใช้บริการรถไฟต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้าจากการกระทำของกลุ่มโจรใต้
เมื่อวันที่ 3
กรกฎาคม 2559 เวลา 19.20 น. คนร้ายทำการลอบวางระเบิดหน้ามัสยิดกลางปัตตานี
ซึ่งเป็นระเบิดแสวงเครื่องซุกในกล่องเหล็ก
ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตทันที่ 1 นาย สาหัสอีก 2 นาย
อีกทั้งประชาชนได้รับบาดเจ็บไปด้วยอีก 1 คน
เหตุการณ์เมื่อวันที่
3 กรกฎาคม 2559 เวลา 01.00 น.
คนร้ายลอบวางระเบิดอดีตทีมงานจ่าเพียรก่อนที่จะใช้อาวุธปืนสงครามยิงซ้ำ เสียชีวิต
2 ราย ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์เดินทางออกจากมัสยิด เพื่อกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
เหตุเกิดบริเวณสะพานข้ามคลอง บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา
และยังมีคดีอีกมากมายที่ผลกตรวจทางวิทยาศาสตร์ตรงกับ
ผกร.
ทุกคดีจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ย่อมประจักษ์ชัดว่าเหตุดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มโจรใต้นอกรีต
นอกศาสนาฆ่าได้ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นับถือศาสนาเดียวกัน โดยเฉพาะในห้วงก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอนและ
10 วันสุดท้าย
ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รวมถึงสื่อเองก็รู้ดีว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม
ผกร.
ท้ายสุดแล้ว“ทีมงูเต๊ะ”มันก็คือ “ทีมก่อเหตุของ
ผกร.”ปล่อยข่าววางแผนใส่ร้ายโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะทำการก่อเหตุนั้นเอง
หลังจากนี้คงจะมีคำถามที่คำว่า
แล้วคดีที่จำไม่ได้ละเป็นเจ้าหน้าที่หรือป่าวเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย
แต่สำหรับคำตอบคนในพื้นที่รู้กันดี เพราะการก่อเหตุแต่ละครั้ง ผกร.จะมีการวางแผน
เช่น ยิงแล้ววิ่งเข้าบ้านใกล้ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำท่ามาดูเหตุการณ์กว่าเจ้าหน้าที่มาถึงพอสอบถาม
แบเห็นใครไหม จะไม่มีใครตอบสักคน หรือจะตอบว่า ไม่รู้ ไม่เห็น
หรือแม้แต่บางคนบอกแต่บิดเบือนไปจากความจริง เช่น
ผกร. ดักรอยิง ก็บอกว่า เห็นรถกระบะคล้ายรถของเจ้าหน้าที่มากราดยิงขับรถหนีไป
ซึ่งความจริงแล้วทำไม!! เขาต้องบอกกับเจ้าหน้าที่อย่างนั้นซึ่งมันไม่เป็นจริง
ก็เพราะว่ามีการวางแผนไว้แล้ว และ ผกร.ก็อยู่ในเหตุการณ์ ถ้ามึงไม่พูดมึงตาย
หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้จากความจริงคือ
สิ่งที่ตกอยู่ในทีเกิดเหตุกว่าจะตรวจผลพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์ก็ปาเข้าไปกี่วันแล้ว
ถ้าผลตรงกับ ผกร.ในพื้นที่มีประวัติก็สามารถทำคดีได้เร็ว แต่จับได้ไหม? มันคงรอผลพิสูจน์นะ
มันหนีเข้าป่าเพื่อเตรียมก่อเหตุไปแล้ว บางทีก็ไม่มีประวัติ
ผกร.อยู่ในสารบบเพราะมันเป็นแนวร่วมใหม่ ก็ทำให้ยากต่อการทำคดี
มันเป็นอย่างนี้แหละซึ่งทุกพื้นที่เขารู้ดี
คนในพื้นที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับ
ผกร. แต่สิ่งที่ ผกร.มอบให้กับคนในพื้นที่คือ “ความกลัว”มึงไม่ให้กูซ่อนตัวก็ฆ่านะ มึงต้องบอกไม่รู้ไม่เห็นถ้าไม่บอกกูฆ่านะ
มึงต้องทำนะไม่งั้นกูจะฆ่ายกครัว ใครๆ
ก็รักชีวิต ความกลัวนี้เองที่ ผกร.ได้มอบให้คนในพื้นที่ด้วยการกดขี่ด้วยการข่มขู่
ด้วยการฆ่า หลายชีวิตของคนในพื้นที่ต้องจบลงเพราะสิ่งที่ ผกร.มอบให้
แต่เขาไม่รับ
แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่ไม่ยอมให้ ผกร. กดขี่ข่มเหง
แจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่ทราบ ทำให้สามารถช่วยชีวิตได้อีกหลายคน
ลดเหตุรุนแรงได้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น