"นายกะลา"
สถานการณ์ไฟใต้ประเทศไทยที่ก่อเกิดมานับสิบสี่ปี
ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และ 4
อำเภอของจังหวัดสงขลา ผลของการใช้ความรุนแรงได้สร้างความสูญเสียคร่าชีวิตผู้คน
7,000 กว่าราย รัฐต้องเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ 4,972 ราย
ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมยอดเด็กกำพร้าสูงถึง 6,421 ราย อีกทั้งหญิงหม้าย 3,000
กว่าคนต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพังเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว
เหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในช่วงบ่ายของวันที่
9 พฤษภาคม 2560 กรณีคนร้ายนำระเบิดบรรจุ ในรถยนต์เข้าจอดบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้สร้างความความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งยังมีประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ-มุสลิม
ที่มาจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต้อนรับเปิดเทอมให้บุตรหลาน
ตลอดจนพนักงานห้างได้รับบาดเจ็บ 61 ราย
ซึ่งในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีเด็กรวมอยู่ด้วยจำนวน 8 ราย
จังหวัดชายแดนภาคใต้รากเหง้าเกิดจากการปัญหาด้านการศึกษา
เศรษฐกิจ และสังคม ที่สะสมมานานไม่ได้รับการแก้ไข จนกระทั่งมีบุคคลบางกลุ่มนำปัญหาดังกล่าวมากล่าวหารัฐลำเอียง
เลือกปฏิบัติ ไม่มีความเท่าเทียมในสังคม มีการรวมตัวในฐานะผู้เห็นต่างจากรัฐ
ก่อตั้งขบวนการแบ่งแยกดินแดน ด้วยการสร้างเงื่อนไขในการต่อสู้ นำไปสู่ความ “ชอบธรรม” ในการมุ่งไปสู่การกำหนดใจตนเองเพื่อต้องการแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย
เงื่อนไขของกลุ่มขบวนการในการมุ่งไปสู่เป้าหมาย
“เอกราช” ด้วยการใช้กำลังและงานการเมืองควบคู่กัน
ซึ่ง “งานการเมือง” จะมีกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมทำหน้าที่เป็น
“ปีกการเมือง” ในการขับเคลื่อนเงื่อนไข
4 ข้อด้วยกันเพื่อสร้าง “ความชอบธรรม” ในการกำหนดใจตนเอง (RSD) กล่าวคือ การขับเคลื่อนให้เห็นว่าพื้นที่
จชต. แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งด้วยอาวุธ
เป็นพื้นที่ถูกยึดครองโดยรัฐสยาม ซึ่งดินแดนแห่งนี้มีอัตลักษณ์เฉพาะ และมีการชี้นำให้เห็นว่ารัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
เพื่อต้องการสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศ
พลังในการขับเคลื่อนมาจากปัจจัยในเรื่อง “ชาติพันธุ์ ศาสนา
และมาตุภูมิ”เพื่อทำการโน้มน้าว
ให้ประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมขบวนการ “เห็นต่างจากรัฐ” มุ่งใช้ยุทธศาสตร์ “สงครามประชาชน”โดยมีองค์กรนำคอยบัญชาการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
สั่งการให้สมาชิกแนวร่วมทำการก่อเหตุ ซึ่งจะมีกลุ่มมวลชนจัดตั้งคอยสนับสนุน
เงื่อนไขผลักดันสู่ความขัดแย้ง “ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์
และอัตลักษณ์” มีการบิดเบือนในเรื่องประวัติศาสตร์
ซึ่งปฐมบทชายแดนใต้เริ่มมีความขัดแย้งหลังปี พ.ศ.2452 มีการใช้ “ชาติพันธุ์” ของความเป็น “ออแก นายู” (ชาวมลายู)
การนับถือศาสนาเดียวกันตลอดจนวัฒนธรรมประจำถิ่นในเรื่องของภาษาและวิถีชีวิตที่มุ่งไปสู่
“สังคมเชิงเดี่ยว” ให้เกิดขึ้นในพื้นที่
ปัญหาในด้านการศึกษาในปี พ.ศ.2559
จากสถิติเยาวชนใน จชต.ช่วงอายุ 15-17 ปี ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 105,033 คน
พบว่าเรียนอยู่ในระบบ 59,564 คน
แต่ที่น่าตกใจมีกลุ่มเยาวชนที่หายไปจากระบบการศึกษา 33,000 คน ไปอยู่ที่ไหน
ผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษาส่วนใหญ่จะเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งมีถึง 41,228
คน โรงเรียนรัฐบาล 12,940 คน และที่เหลือเรียนต่อสายอาชีพ 4,755 คน
โรงเรียนเอกชนสายสามัญ 642 คน และเรียนในสถาบันการศึกษาปอเนาะ 12,00 คน
ข้อมูลเชิงสถิติข้างต้นพอจะมองเห็น “คุณภาพ”
และโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ จชต.ไม่สามารถต่อสู้กับเยาวชนในภูมิภาคอื่นๆ
ได้ในการสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งที่ผ่านๆ มาในอดีตหรือปัจจุบันสู้ได้แต่น้อยมาก
ยังไม่นับรวมถึงกลุ่มเยาวชน 30,000 กว่าคนที่หายไปจากระบบการศึกษา
เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดยาเสพติดอีกทั้งยังเป็นเป้าถูกชักชวนให้เข้าสู่ขบวนการทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์
เพราะฉะนั้นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนานเป็นแค่ปลายเหตุ
ต้นเหตุใหญ่มาจากต้นทุนในเรื่องการศึกษา ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และสังคมที่กลุ่มขบวนการผลักผู้คนให้เห็นต่างจากรัฐใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู่เพื่อแยกตัวเป็นเอกราช
อีกทั้งยังใช้ปีกการเมืองเคลื่อนไหวต่อสู้ทางความคิดบิดเบือนข้อมูล ปลุกระดม
ปลุกปั่นชี้ให้เห็นว่าดินแดนแห่งนี้ถูกยึดครอง ขัดแย้งด้วยอาวุธ
มีการทำลายอัตลักษณ์และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง เพื่อต้องการดึงต่างชาติ
องค์กร
ระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงการแก้ปัญหาของรัฐบาลไทย...กลุ่มคนเหล่านี้คิดถูกหรือ?
ลองหันไปดูบรรพบุรุษพี่น้องเราในตะวันออกกลางหลายๆ ประเทศต้องล่มสลายเป็นตัวอย่าง
ประเทศเหล่านี้ดึงต่างชาติเข้ามา...ผลเป็นอย่างไร? เกิดความหายนะในหลายประเทศ มีแต่ซากปรักหักพังไม่หลงเหลืออะไรเลยมีแต่ความสูญเสียสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง...ถามใจพี่น้องในพื้นที่...อยากให้จังหวัดชายแดนใต้ของเราที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นเช่นนั้นหรือ!!!!.....
-------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น