"Ibrahim"
ยุทธการติ่งโจรใต้ต่างโพสต์ต่างแชร์วาทกรรม
“ปาตานี” กันอย่างสนุกสนานสร้างการรับรู้กัน เป็นวงกว้างเพื่อหวังผลสร้างความรู้สึกร่วม
ความมีตัวตน แต่ในทางกลับกันเมื่อมีผู้ต่อต้านคำว่า “ปาตานี”
ออกไป กลับโจมตีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นอาการของคนที่เป็นโรค “กลัวอิสลาม”กลัวอิสลามจะครองประเทศ
หรือแม้กระทั่งกลัวอิสลามจะครองโลก
“โรคกลัวอิสลาม” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “มุสลิม” คือประชากรส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันผู้คนดั่งเดิมในพื้นที่ยังมีคนไทยพุทธ คนไทยเชื้อสายจีนอยู่อาศัยร่วมกับพี่น้องมุสลิมมาช้านาน
ชาวไทยพุทธในพื้นที่ได้มีการจัดตั้ง
“ชนพุทธกลุ่มน้อยใน 3 จังหวัดชายแดนใต้”
ซึ่งล่าสุดได้ออกมาเคลื่อนไหวว่า “ไม่ได้กลัว” แต่แค่ #รังเกลียด!!! (ไม่ใช่แค่รังเกียจ) #รังเกลียดความเห็นแก่ตัวของกลุ่มโจรใต้ #รังเกลียดการเนรคุณแผ่นดินที่โจรใต้กระทำ
#รังเกลียดความยึดติดล้าหลังทางความคิด
พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของกลุ่มโจรใต้
พยายามบิดเบือนและแทรกสร้างความรู้สึกร่วมลงไปในประวัติศาสตร์
ในวิถีชีวิตของกลุ่มคน ไปจนถึงภาคกิจกรรมต่างๆ ในสังคม 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อปลุกกระแสชาติพันธุ์นิยมเดี่ยว
เพียงหวังหาผลประโยชน์เข้าสู่กลุ่มของตัวเอง ถือเป็นความเห็นแก่ตัว
ที่ไม่ให้เกียรติชาติพันธุ์อื่นๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
จุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาทุกศาสนา
คือมุ่งสอนให้คนกระทำแต่ความดี ละเว้นความชั่วทั้งปวง นำหลักคำสอนศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
สามารถครองตนอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมที่มีความหลากหลาย
สำหรับประชากรทั่วโลกมีผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นอันดับ
2 ของโลก เป็นรองคริสต์ศาสนาซึ่งมี ศาสนิกชนสองพันกว่าล้านคน แต่จากการเก็บสถิติข้อมูลโดย
“พิว” (The Pew Forum on Religion & Public Life)
พบว่าแนวโน้มผู้นับถือศาสนาอิสลามเพิ่มขึ้นในอนาคต
จะเห็นได้ว่าการเพิ่มจำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งส่งผลให้เกิดความหวาดกลัว “มุสลิมครองโลก” ซึ่งสาเหตุความหวาดกลัวดังกล่าวอาจจะมาจากการกระทำของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงโดยเฉพาะกลุ่มไอซิส
(ISIS) หรือ กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (Islamic
State of Iraq and Syria) จนถูกขนานนามว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เหี้ยมโหดที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วประเทศมุสลิมที่มีแนวทางสันติก็มีออกเยอะ
เป็นศาสนิกชนที่ดีปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด แต่ประเทศมุสลิม
หรือกลุ่มมุสลิมที่สร้างปัญหาให้กับชาวโลก
มีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาเพื่อต้องการเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นเป็นแค่ส่วนน้อย..
กระแสความหวาดกลัวอิสลามไม่เว้นแม้กระทั่งในประเทศไทยเรา
จากการก่อเหตุของกลุ่มผู้คิดต่างในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สิบกว่าปีที่ผ่านมา
ภาพความรุนแรงที่มีการส่งผ่านตามช่องทางสื่อซึ่งกลายเป็น “แนวร่วมมุมกลับ” ส่งผลต่อจิตวิทยาสังคมเกิดกระแส “ความกลัวมุสลิม” นำไปสู่การต่อต้านการสร้างมัสยิดในหลายพื้นที่ของประเทศ
เช่น เมื่อ 1 มีนาคม 2558 มีการประท้วงการก่อสร้างมัสยิดที่จังหวัดน่าน และ“ชาวบึงกาฬไม่เอามัสยิด”
ความเป็นจริงความหวาดกลัวอิสลาม(Islamophobia)ในประเทศไทยมิใช่พึ่งเกิด
หากเราติดตามข่าวจะพบว่าปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจก็จะแสดงถึงความหมางเมินเหินห่าง
เป็นร่องรอยของความไม่ผสมกลมเกลียวระหว่างคนแต่ละฝ่ายในสังคม เกิดความแตกแยก
บั่นทอนความสมานฉันท์นำไปสู่ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
ศาสนิกชนต้องกล้าก้าวให้พ้นจากการเป็นพวกเขาพวกเราหรือขยายความเป็นพวกเราให้กว้างคือต้องคิดว่าทุกศาสนาเป็นเพื่อนกัน
ต้องเป็นกัลยาณมิตร
การที่มีมัสยิดเพิ่มขึ้นในแต่ละภูมิภาคของประเทศเราอย่าไปกลัว
แต่เข้าใจดีว่า “ความกลัวมุสลิม” ที่เกิดขึ้น
กลัวว่าเมื่อมีมัสยิดจะสร้างปัญหา นำพาความเดือดร้อนมาสู่ชุมชน กลัวการก่อเหตุร้ายดั่งเช่นในพื้นที่
จชต. ความหวาดกลัวศาสนา ครั้งหนึ่งเราเคยกลัว “ศาสนาคริสต์”
ที่มีการเผยแพร่ศาสนาในบ้านเรา รวมการติดป้ายตามสถานที่ต่างๆ
แต่เมื่อถึงจุดๆ
หนึ่งการเพิ่มจำนวนของผู้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่ได้อยู่ที่ตัวศาสนาเลย
แต่อยู่ที่ผู้นับถือมากกว่าเพราะศาสนาทุกศาสนาย่อมสอนให้คนเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น
ที่สำคัญคนไทยคือคนไทยด้วยกันไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน!!
-------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น