ท่ามกลางสถานการณ์ไฟใต้
ซึ่งเวลานี้ดูเหมือน “กระแส” จะเงียบลงไป
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีกลุ่มหรือบุคคลที่ยังคอย “จุดประเด็น” และ “ปั่นกระแส”
ยุ่งยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกอยู่ตลอดเวลา
จากการที่มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งเขียนบทความซึ่งนำคำพูดของแม่ทัพภาคที่ 4
ผู้นำการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ที่ให้สัมภาษณ์หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดต่างๆ ในพื้นที่
ซึ่งบทความนี้เจตนาของผู้เขียนอาจจะมีเจตนาที่จะแนะนำฝ่ายความมั่นคงในการใช้วาทกรรมต่างๆ
ในการให้สัมภาษณ์แต่ก็เต็มไปด้วยเจตนาแอบแฝงซึ่งเป็นการ “ดิสเครดิต”
ทั้งของตัวแม่ทัพภาคที่ 4 เองรวมถึง จนท.รัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน
3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
ทั้งนี้กล่าวได้ว่าตัวแม่ทัพภาคที่
4 เองหรือแม้กระทั่งทุกๆ คนย่อมเป็น “ปุถุชนคนธรรมดา”ย่อมมีอารมณ์และความรู้สึก
ซึ่งในการให้สัมภาษณ์หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจนั้น
ย่อมทำให้การใช้ “วาทกรรม” ต่างๆ ในการสื่อสารดูจะเป็นการตอบโต้ที่ดูแข็งกร้าว
แต่จากนโยบายต่างๆ ซึ่งออกมา เช่น ยุทธศาสตร์ “กฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย”
“โครงการพาคนกลับบ้าน” เป็นต้น ล้วนแต่เป็นโครงการที่ดีซึ่งล้วนนำมาสู่การลดความรุนแรงในพื้นที่และเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนแทบทั้งสิ้น
จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งในการจุดประเด็นในครั้งนี้
อาจมีสาเหตุมาจากการเจรจาสันติภาพครั้งล่าสุดซึ่งมีกลุ่มก่อความไม่สงบบางกลุ่ม “เสียผลประโยชน์”
ในการร่วมโต๊ะเจรจาครั้งนี้ด้วย
ทั้งที่กลุ่มของตนเองนั้นปฏิเสธไม่เข้าร่วมในการเจรจา
ทำให้กลุ่มดังกล่าวทำการโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องโดยใช้ “สื่อ” ต่างๆ เป็นเครื่องมือ
ทำให้เกิดความแตกแยกและการเข้าใจผิดซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญในเส้นทางสู่สันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากที่กล่าวมาข้างต้นก็คงจะพอเดาออกว่าฝ่ายหนึ่งทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เกิดความสงบกับอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยสร้างความรุนแรงทั้งการก่อเหตุรุนแรงและการใช้สื่อในการประโคมข่าว
เพื่อบรรลุผลประโยชน์ของตน ที่น่าสงสารก็คือชาวบ้านตาดำๆ กับตำรวจ ทหารชั้นผู้น้อย
และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ซึ่งยังต้องอยู่ในความรุนแรงครั้งนี้ต่อไป
ใคร? กันแน่ที่จุดไฟขัดแย้งใต้?.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น