"นายกะลา"
“สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ดินแดนที่มีความหลากหลายของการอยู่ร่วมของผู้คน หลากหลายทางด้านเชื้อชาติ
ศาสนา และประเพณีวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นที่ควรค่าแก่การศึกษาและดำรงไว้อยู่คู่กับชุมชน
สังคมแห่งนี้ในอดีตที่ผ่านมาผู้คนต่างอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่มีการปิดกั้นแยกเขาแยกเรา
มีการเดินทางไปมาหาสู่ฉันท์ญาติพี่น้อง ช่วยเหลือซึ่งกัน แม้จะแตกต่าง
แต่ไม่แตกแยกสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้“สังคมพหุวัฒนธรรม”ที่สวยงาม
แต่ไม่น่าเชื่อว่ามีกลุ่มคนที่แสดงออกถึงความ“เห็นแก่ตัว”มาสร้างความแตกแยกในหมู่พี่น้องที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้
หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว หรือเพียงศาสนาเดียว
“ความเห็นแก่ตัว”ของคนกลุ่มนี้ได้มีผู้กล่าวขานให้ฟังอยู่เนืองๆ
เรียกร้องโน่นนี่ไม่มีที่สิ้นสุด รัฐใจดีประเคนให้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ขอ..แต่“ความเห็นแก่ตัว”มีหรือจะพอเพียง “ได้คืบจะเอาศอก” เคลื่อนไหวชี้ให้เห็นว่ากลุ่มตนไม่ได้รับความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม
ลองไปสำรวจดูโครงการของรัฐที่ขับเคลื่อนลงมาสู่ชายแดนใต้แห่งนี้ให้ความสำคัญกับใคร?
ใครคือผู้รับผลประโยชน์และอภิสิทธิ์ชนที่เหนือกว่าคนกลุ่มอื่นในพื้นที่ หรือแม้กระทั่งประชากรส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังไม่เทียบเท่า
ย้อนกลับไปมองชนกลุ่มน้อยในพื้นที่
ได้แค่นั่งมองตาปริบๆ ถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชนของคนกลุ่มใหญ่ในพื้นที่ที่ใช้“ความเห็นแก่ตัว” กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างให้กับกลุ่มตนโดยไม่แยแสต่อความรู้สึกของคนกลุ่มอื่นๆ
ปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการอย่าง“กลุ่ม PerMAS”ที่ใช้คำว่า“นักศึกษา”บังหน้าแฝงตัวอยู่ในสถานศึกษาของรัฐ มหาวิทยาลัยชื่อดัง จัดตั้งชมรมมุ่งเน้นจัดกิจกรรมสอดแทรก“ความเห็นแก่ตัว”ค่อยๆ
ใส่ความคิดทีละน้อยสร้างอารมณ์ร่วมของการเป็นคนเพียงกลุ่มเดียว หรือศาสนาเดียว
การจัดกิจกรรมประเภทแอบแฝงซ่อนเร้นเพื่อหวังผลทางการเมือง
มีให้เห็นมานักต่อนักไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาของมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดยะลา ขบวนพาเหรดมีการถือป้ายผ้า
ข้อความประกาศความเป็นตัวตนไม่ยอมรับความเป็นคนไทย
การรุกคืบไม่ได้จำเพาะเจาะจงอยู่แค่ในพื้นที่ชายแดนใต้
แต่ได้ลุกลามไปยังภูมิภาคอื่นๆ ที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้เดินทางไปศึกษา ไม่ว่าจะไปทำงาน หรือตั้งรกรากเป็นชุมชน
ยังมิวายที่ไปจัดกิจกรรมมักแสดงความเป็นหนึ่งเดียวที่ส่อให้เห็นถึง“ความเห็นแก่ตัว”ที่น่ารังเกียจ
ล่าสุดในมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ได้มีกลุ่มคน“เห็นแก่ตัว”จัดตั้ง ชมรมภาษาและวัฒนธรรมมลายู หากการดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามวัตถุประสงค์และชื่อของชมรมน่าจะสนับสนุน
แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่มีการแอบแฝงดำเนินกิจกรรมสร้างการรับรู้ไม่แตกต่างจากพื้นที่ชายแดนใต้เท่าใดนัก
เราในนามคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้คนหนึ่ง
กลุ่มของคุณจะเรียกคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยคำอะไร? ก็ไม่ว่า
ถ้าเรียกแล้วมันแสดงถึงความเป็น 1 เดียว แต่...ถ้าเรียกแล้ว หมายถึง
คนเพียง...กลุ่มเดียว หรือเพียงศาสนาเดียว!! ก็อย่าเอาคำที่แสดงถึง“ความเห็นแก่ตัว”มาสร้าง“ความแตกแยก”ให้สังคมพหุวัฒนธรรมเลยครับ!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น