27 กรกฎาคม 2560

BRN กับแผนชั่วครอบงำคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนใต้

"นายหัวครก"


คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด โดยในพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม หมวด 4 ว่าด้วยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มาตรา 23 บัญญัติว่า จังหวัดใดมีราษฎรนับถือศาสนาอิสลามและมีมัสยิดตามมาตรา 13 ไม่น้อยกว่า 3 มัสยิด ให้คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยประกาศให้จังหวัดนั้นมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคณะหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการมีจำนวนไม่น้อยกว่า 9 คนแต่ไม่เกิน 30 คน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 33 จังหวัด

กระบวนการคัดเลือกในปีนี้ซึ่งจะหมดวาระลง อาจจะมีจังหวัดที่มีมัสยิดตามมาตรา 13 ไม่น้อยกว่า 3 มัสยิด เพิ่มขึ้นจากการเร่งสร้างมัสยิดในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทยเพื่อให้เข้าเงื่อนไขดังกล่าว นั่นแสดงว่าจะมีจังหวัดที่จะต้องมีกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมากกว่า 33 จังหวัดแน่นอน

กระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งปลายปีนี้จะครบกำหนดวาระ 6 ปี ซึ่งเมื่อตำแหน่งกรรมการอิสลามประจำจังหวัดว่างลงก่อนสิ้นวาระให้มีการคัดเลือกกรรมการแทนภายใน 90 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่าง

ส่องโฟกัสกระบวนการคัดเลือกที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2560 ในการสรรหาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดปัญหาความรุนแรง อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่จะมีพี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เค้าลางความรุนแรงเริ่มปรากฏบ่งชี้ถึงการแข่งขันค่อนข้างดุเดือด ความเคลื่อนไหวเงียบๆ ก่อนหน้านี้แฝงถึงความน่ากลัว

เมื่อมีการแข่งขันที่สูงแต่ละฝ่ายจึงจะต้องกระทำทุกวิถีทางเพื่อส่งคนของตัวเองเข้าไปมีบทบาทเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผลจากการแข่งขันครั้งที่แล้วใครได้ ใครตกก็เป็นที่ทราบกันดี จากการส่งแคนดิเดตทำการต่อสู้ใน 3 จังหวัด จำนวน 6 ทีม

ปรากฏการณ์บ่งชี้ถึงความรุนแรงกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มฉายแววให้เห็น เมื่อคนร้ายทำการก่อเหตุยิง นายอาแว  เตาะซาตู หรืออุสตาสดารีอุสตาสสอนศาสนา และเป็นเจ้าของโรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลาม บ้านปะแดลางา หมู่ที่ 5 ตำบลตะลุปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา

จากข่าวเชิงลึกพบว่าอุสตาสดารีซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เปิดเผยตัวสนับสนุนทีมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีทีมหนึ่งซึ่งอยู่คนละขั้วกับทีมกลุ่มขบวนการ BRN ให้การหนุนหลัง

กลุ่มขบวนการ BRN มีความต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ให้การสนับสนุนคนของตัวเองทุกวิถีทางเพื่อยึดองค์กรที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนศาสนา เมื่อพบผู้ที่ประกาศตัวอย่างเปิดเผยอย่างอุสตาสดารี มีหรือ? กลุ่มขบวนการ BRN จะปล่อยให้มีชีวิตรอดเป็นก้างขวางคอ

ใคร? คือคนของกลุ่มขบวนการ BRN ลองไปสอบถามรองคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งท่านอาจจะรู้และมีข้อมูลว่าเป็นใคร? กระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีปลายปีต้องติดตามว่ากลุ่มที่ขบวนการหนุนหลังจะได้รับการคัดเลือกหรือไม? และจะเกิดอะไรขึ้นหากคนกลุ่มนั้นได้เข้าไปทำหน้าที่

การแทรกแซงของกลุ่มขบวนการโดยการส่งคนของตัวเองเข้าไปในองค์กรต่างๆ ไม่ได้มีแค่เฉพาะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแต่เพียงเท่านั้น ในความเป็นจริงขบวนการ BRN ยังส่งคนของตัวเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แฝงตัวในองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อทำการขับเคลื่อนงานการเมือง

คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเป็นผู้นำองค์กรศาสนาในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทแก้ไขปัญหาหลากหลายในท้องถิ่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเยาวชน ปัญหายาเสพติด ปัญหาเกี่ยวกับอาหารฮาลาล รวมทั้งสานสัมพันธ์กับหน่วยงานต่างๆ จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการร่วมสถาปนาสันติสุขให้เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หากเป็นคนของขบวนการ BRN ล่ะ!!...อะไร? จะเกิดขึ้น...ฝากให้คิดเล่นๆ กันค่ะ

---------------------------

12 กรกฎาคม 2560

วิสามัญโจรใต้ ระเบิด Big C ปัตตานีดับคามัสยิด


เมื่อเช้ามืดวันที่ 11 ก.ค.60(วันนี้)  พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 นำกำลังร่วม 50 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณมัสยิดบ้านกาฮง ม.5 ต.ปะกาฮารัง อ.เมืองปัตตานี หลังมีแหล่งข่าวแจ้งว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะเข้ามาในพื้นที่ เพื่อเตรียมก่อเหตุความไม่สงบ
ขณะเจ้าหน้าที่มีการกระจายกำลังตามจุดต่างๆก็พบบุคคลน่าสงสัย จำนวน 3 คน อยู่หลังมัสยิด จึงแสดงตัวเพื่อตรวจค้น แต่ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยทั้งหมดวิ่งหนี แต่1ใน3ผู้ต้องสงสัยคิดสู้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ 3 นัด เพื่อเปิดทางหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้เสียชีวิตทันที ส่วนผู้ต้องสงสัย 2 รายที่หลบหนีนั้นกำลังตามไล่ล่าตัว ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ถูกวิสามัญทราบชื่อคือ นายสุดิง มามะ อายุ 29 ปี ตรวจสอบมีหมายจับ ป.วิอาญา 1 หมาย ที่ลำตัวมีบาดแผลถูกยิง จำนวน 5 นัด ข้างตัวพบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก สำหรับนายสุดิง มามะ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่ส่วนเกี่ยข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดที่ห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด ได้แก่ ปืนสั้นหลายกระบอก เป้สนาม และเปลนอน โดยเฉพาะปืนสั้นที่ยึดได้ เชื่อว่า น่าจะเคยนำไปก่อเหตุมาแล้ว จึงส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ คาดว่า จะทราบผลไม่เกิน 3 วัน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนร้ายที่หลบหนี เจ้าหน้าที่ยังคงกระจายกำลังไล่ล่า และปิดล้อมสกัดเส้นทางเข้า-ออกทุกเส้นทาง
ด้าน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่า จากการข่าวกรองและที่มีชาวบ้านแจ้งแบะแส พบความผิดสังเกตของกลุ่มคน เกรงว่าจะมีการรวมตัวประทำสิ่งผิดกฎหมาย จนนำไปสู่การจัดกำลังวางแผนเข้าตรวจพิสูจน์ทราบตามข้อมูลแจ้งเตือนก่อนนี้แล้ว และเกรงอาจจะเป็นไปตามข่าว นำไปสู่การวางแผนรวม 3 ฝ่าย ก่อนทำการเข้าตรวจพิสูจน์ทราบ และเกิดการต่อสู้ยิงปะทะคนร้ายเสียชีวิตดังกล่าว  ทั้งนี้ได้ทำการตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะข้อมูลที่ชาวบ้านแจ้งว่ากลุ่มคนร้ายใช้บริเวณหลังมัสยิดทำการไม่เหมาะสม ซึ่งก่อนนี้เคยเกิดเหตุใช้ก่อเหตุร้ายมาแล้ว ซึ่งชาวบ้านหลายคนแสดงความรู้สึกไม่สบายใจและไม่อยากให้เรื่องร้ายต่างๆ ต้องทำให้พื้นที่หม่นหมอง และยังให้ข้อมูลว่าอีก 2 ราย ที่อยู่ร่วมในที่เกิดเหตุปะทะและหลบหนีไปได้นั้นคือ มีนายมะนาเซ ไซดี มีหมายจับ ป.วิ.อาญาคดีความมั่นคง 7 หมาย และนายยูโซะ แมะตีเมาะ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางคดีระเบิด โดยทั้ง 2 คน มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่บ้านดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะนี้ได้สั่งให้มีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เสริมเข้าตรวจและไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในระยะ 5 กิโกเมตร โดยคาดว่าจะมีแนวร่วมแอบให้การช่วยเหลือหลบหนีกบดาน
สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่ากลุ่มแนวร่วมขบวนการใช้เหตุการณ์ปลุกกระแสยกย่องอาชญากรและ เป็นวีรบุรุษอีกเช่นเคย

8 กรกฎาคม 2560

ศาลจังหวัดยะลา สั่งจำคุกผู้ให้ที่หลบซ่อนพักพิง ลุกมาน มะดิง แกนนำ ผกร.


กรณี เมื่อ วันที่ 30 มิ.ย.60 เจ้าหน้าที่ทหารพรานร่วมติดตามและจับกุม โดยการบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านเป้าหมาย ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคงได้เข้ามาเคลื่อนไหวและหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเลขที่ 163 ม.4 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของ นายสือดี มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ เซ็งกะจรี   เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการเจรจา ให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านได้ออกมามอบตัว แต่ได้ถูกคนร้ายปาระเบิดชนิดขว้างใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่  และเกิดการยิงปะทะกัน วิสามัญคนร้ายได้ ทราบชื่อ คือ นายลุกมาน มะดิง แกนนำ ผกร. มีคดีความมั่นคง 5 หมาย 

สำหรับผู้ที่ให้การช่วยเหลือคนร้ายทำการหลบซ่อนพักพิง มีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท แต่นายสือดี มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ เซ็งกะจรี รับสารภาพศาลจึงตัดสินลดโทษจำคุก นายสือดี มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ เซ็งกะจรี เหลือคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา  คดีดำที่ 1980/2560 คดีแดงที่ 1972/2560 ลง 7 ก.ค.2560

นี่คงเป็นบทเรียนของผู้ที่ให้การช่วยเหลือหลบซ่อนพักพิงให้กับ ผกร. จะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายดังเช่น นายสือดี และนางสีตีพาตีเมาะ

5 กรกฎาคม 2560

แกนนำ RKK สารภาพใช้ยาเสพติดชักจูงวัยรุ่นในพื้นที่เข้าสู่ขบวนการ



เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว นายอุสมาน มามะ มีหมาย ป.วิอาญา 1 หมาย แกนนำสำคัญของกลุ่มอาร์เคเค ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักจูง หลอกเด็กเยาวชนเข้าไปเป็นแนวร่วมขบวนการฝึกยุทธวิธีการต่อสู้ โดยอ้างกับครอบครัวว่า ตนเองว่าจะช่วยพาไปบำบัด แต่กลับพาไปซุมเปาะห์ บังคับให้ใช้ยาเสพติด และร่วมก่อเหตุ โดยขณะจับกุมนายอุสมาน มีอาการซึมเศร้าของคนติดยาเสพติด ความนายอุสมานยอมรับว่า ได้ชักชวนเด็กจำนวนมากโดยใช้ยาเสพติดตอบแทน เป็นเหตุให้เด็กเยาวชนมีความผิดในคดีความมั่นคง มีหมาย ป.วิอาญาติดตัวหลายคน จนเด็กไม่กล้าอยู่กับครอบครัว บางรายต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะลงเชื่อกลอุบายของกลุ่มขบวนการอาร์เคเค 



อยากฝากเตือนไปยัง พ่อ แม่ ให้ดูแลลูกๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ควรให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่มาล่อลวง หากไม่ใช้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง

1 กรกฎาคม 2560

สุดแปลก!! ชาวบ้านบือมัง อ.รามัน แห่ศพ...อาชญากรฆ่าคน


นายลุกมัน มะดิง แกนนำโจรใต้คนสำคัญ 1 ใน 20 บุคคลอันตรายที่หน่วยงานความมั่นคงจัดอันดับ ตายเพราะความเขลาชอบใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ปิดล้อมไว้หมดเปิดโอกาสให้มอบตัว  กลับไม่เอา!! กลัวกรรมที่ตนก่อไว้หนักหนาสาหัส สุดท้ายหนีไม่พ้นเวรกรรมทันตาเห็น

การเข้าปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในค่ำคืนวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยให้ผู้นำศาสนาทำการพูดคุยเพื่อให้มอบตัว แต่นายลุกมาน มะดิง ได้ปฏิเสธ พร้อมเปิดฉากยิงปืนต่อสู้ และใช้ลูกระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการยิงปะทะกันขึ้น จนกระทั่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ใครๆ ไม่อยากจะให้เกิด
หลังเกิดเหตุได้มีการกล่าวหากองทัพรัฐบาลไทยยกกองพันถล่มบ้านชาวบ้านพังยับ หวังฆ่าคนที่คิดว่าผิดแค่เพียงคนเดียว มีการการแห่ศพ นายลุกมาน มะดิง พร้อมยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ที่สละชีวิตเพื่อเราทุกคน

นั่นคือความพยายามของกลุ่มแนวร่วมขบวนการที่ต้องการปลุกกระแสของคนในบ้านบือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ด้วยการแห่ศพ..ยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ แท้จริงไม่ต่างจาก แห่ศพ...อาชญากรฆ่าคน ปิดบังความชั่วที่ นายลุกมาน มะดิง เคยก่อ

หลักฐานยืนยันความชั่ว นายลุกมาน มะดิง คือป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่หน่วยงานตำรวจได้ผลิต และนำไปติดในพื้นที่ ประกาศจับเป็น 1 ใน 20 บุคคลอันตราย พ่วงด้วย หมาย ป.วิอาญาคดีความมั่นคงติดตัวถึง 5 หมาย

แต่สุดแปลก!! ชาวบ้านบือมัง อ.รามัน จ.ยะลา แห่ศพ...อาชญากรฆ่าคน กลับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ สนับสนุนคนเลว โจรใต้ขี้ขลาดตาขาวหลบซ่อนตัวในบ้านผู้อื่น มีแต่แอบลอบทำร้ายผู้อื่นไม่กล้าสู้ซึ่งๆ หน้า สมควรยกย่องเป็นวีรบุรุษแล้วหรือ!!  ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,000 กว่าศพ ต้องเซ่นสังเวยต่อความชั่วช้าของคนกลุ่มนี้...ฝีมือใครล่ะ?...ไม่ใช่จากน้ำมือคนที่คุณยกย่องให้เป็นวีรบุรุษหรอกหรือ?

-----------------------

เจ้าหน้าที่ปะทะเดือด!! วิสามัญ นายลุกมาน มะดิง แกนนำโจรใต้ตามหมายจับ 1 ใน 20 บุคคลอันตราย


ยะลา-เมื่อ 30 มิ.ย.60 เวลา 20.00 น.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 สนธิกำลังร่วมกับ นปพ.ร่วม จังหวัดยะลา, ชปพ.ชค.543 , สมค.ศปก.สน.ตร. จชต. ,ชปข.ขกท.สน.จชต. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โกตาบารู เข้าทำการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา

จากการสืบทราบและแจ้งเบาะแสของแหล่งข่าวว่า นายลุกมาน มะดิง บุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญาได้เข้ามาหลบซ่อนตัว และพักพิงในพื้นที่

เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจึงเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมาย เลขที่ 57 บ้านปีแยะ หมู่ที่ 6 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา และขณะทำการปิดล้อมตรวจค้นได้เกิดการปะทะ ส่งผลให้ ผกร.เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ราย

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ผกร.ที่เสียชีวิตคือ นายลุกมาน มะดิง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ที่ 3 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา พฤติกรรมเป็น ผกร.ระดับปฏิบัติการ และเป็นบุคคลตามหมายจับ หมาย ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย ดังนี้

- หมายจับที่ 439/2559 ลงวันที่ 29 ธ.ค.59 ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
- หมายจับที่ 203/2559 ลงวันที่ 10 พ.ค.59 ข้อหาก่อการร้าย
- หมายจับที่ 131/2559 ลงวันที่ 23 มี.ค.59 ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
- หมายจับที่ 34/2557 ลงวันที่ 17 ธ.ค.57 ข้อหาร่วมกันทำและมีซึ่งวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต
- หมายจับที่ 36/2556 ลงวันที่ 10 ธ.ค.56 ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจยึดอาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า คูก้า สีดำ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

นายลุกมาน มะดิง เป็น 1 ใน 20 บุคคลอันตราย ที่มีคดีความมั่นคงติดตัว และเป็นที่ต้องการของภาครัฐมากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ได้มีการขึ้นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ประกาศจับตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ ซึ่งจากการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ในการติดตามจับกุมต่อกลุ่มเป้าหมาย บังคับใช้กฎหมายเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี มีการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายอีกทั้งเป็นการกดดันจำกัดพื้นที่ในการเคลื่อนไหว ควบคู่กับการเปิดโอกาสให้รายงานตัวแสดงตนเพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน