30 มิถุนายน 2560

โจรใต้ระส่ำ!! ขาดแคลนวัตถุระเบิดใช้ก่อเหตุต้องหนีหัวซุกหัวซุน


โจรใต้ระส่ำหนัก หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 6 จุด ส่งผลขาดแคลนวัตถุระเบิดนำเข้าจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านใช้ในการก่อเหตุ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเชิงรุกบังคับใช้กฎหมายต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน

นโยบายปิดด่านชายแดนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 6 จุด ซึ่งเป็นท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก  จ.นราธิวาส เพื่อทำการสกัดกั้นการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย แต่ที่เป็นประเด็นหลักเพื่อจำกัดอิสรเสรีของโจรใต้ในการเดินทางเข้าออก ซึ่งพบว่าที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าวัตถุระเบิดที่มีการประกอบในฝั่งมาเลย์เข้ามาทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในฝั่งไทย หลังก่อเหตุข้ามฝั่งหนีการจับกุมไปกบดานเงียบในประเทศมาเลเซีย

จากนโยบายการปิดด่านชายแดนซึ่งเป็นท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ส่งผลดีต่อภาพรวมในการแก้ปัญหาพบว่าสถิติการก่อเหตุลดลง กลุ่ม ผกร.ในฝั่งไทยไม่กล้าทำการก่อเหตุซึ่งยากในการหลบหนี ส่วนกลุ่ม ผกร.ในฝั่งมาเลย์ไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ตามปกติ อีกทั้งการประกอบระเบิดในฝั่งมาเลย์ยากต่อการลักลอบขนเข้ามาทำการก่อเหตุ

ส่วนการปฏิบัติการเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่หลายๆ จุด ส่งผลให้กลุ่ม ผกร.ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนละทิ้งฐานปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่กดดันจำกัดพื้นที่ขาดอิสระในการเคลื่อนไหว อย่างเช่นกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าพิสูจน์ทราบบริเวณพื้นที่ป่าภูเขา ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เกิดการปะทะคนร้ายบาดเจ็บหลบหนีเข้าป่าไป

จะเห็นได้ว่าจากนโยบายการปิดด่านชายแดนซึ่งเป็นท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ประกอบกับการปฏิบัติการเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ได้ส่งผลดีต่อประชาชนโดยตรง และส่งผลดีต่อภาพรวมต่อสถานการณ์ สถิติเหตุการณ์ลดลง ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอันเป็นผลมาจากการกระทำของกลุ่ม ผกร.

23 มิถุนายน 2560

เส้นทางสู่สวรรค์ของโจรใต้...ถึงกับต้องลงมือระเบิดทำร้ายเด็ก 2 ขวบหรือ?


เมื่อ 23 มิ.ย.60 เวลา 18.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนลอบวางระเบิด รถ FTS ของ เจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณ บ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

จากการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารดังกล่าว สังกัด ร.151 ซึ่งรับผิดชอบ ฉก.นราธิวาส 30 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 12 นาย และจากแรงระเบิดในครั้งนี้ได้ถูกลูกหลงโดนชาวบ้านซึ่งกำลังสัญจรมายังที่เกิดเหตุพอดีได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งเป็นพ่อลูกกัน ซึ่งเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบ ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 14 ราย รายชื่อดังนี้

เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 30 จำนวน 12 นาย

1. พลฯ อานัติ   มรรคาเขต
2.ส.ท.ณัฐพล   นวสุจินดา  
3. พลฯเอกพจน์  ทองแป้น
4. ส.ท.นัยสิทธิ์  ชมเชย
5. พลฯศิวเดช  คังคะโน
6.ส.อ.โกวิท   จิตรตั้งทรัพย์
7. ส.อ.อารัฐสรรค์  เจ๊ะโด
8. ส.อ.อภิสิทธิ์  ไพรศรี
9. จ.ส.อ.ฉัตรชัย  จันทร์เชียว
10. พลฯนิวามิก  แงแจลี
11. พลฯณัฐพล   หมานระโต๊ะ
12. พลฯอภิรักษ์   อำนาจ

ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย

1. นายอับดุลอายิ  หะยีสะแลแม
2. ด ญ.พัทธนัรท์  หะยีสะแลแม

เหตุระเบิดของคนร้ายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม ผกร.ที่ต้องการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในเดือนรอมฎอน โดยเฉพาะสิบวันสุดท้ายเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นการกระทำที่สุดโต่ง ไร้ซึ่งอุดมการณ์ นิยมความรุนแรง เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งบุญที่พี่น้องส่วนใหญ่ถือศีลอด กระทำแต่ความดี แต่กลุ่ม ผกร.ยังไม่ละเว้น ยังคงเดินหน้าทำการก่อเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทำต่อเด็กเล็กอายุ 2 ขวบ เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุรวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

กลุ่มขบวนการโจรใต้สร้าง Line ปลอมโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายเจ้าหน้าที่


กอ.รมน.ภาค 4 ชี้การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บีอาร์เอ็น มีพัฒนาการเพิ่มโดยใช้การโฆษณาชวนเชื่อ ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐผ่านโลกออนไลน์ ระบุรู้ตัวแอดมินแล้ว

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึง การพัฒนาการในการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ และใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ ควบคู่กับการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ ว่า การปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ได้มีการพัฒนาการทำสงครามทางสื่อมีเดีย ควบคู่กับการก่อเหตุร้าย เพื่อให้ประชาชนเกิดความน่าเชื่อถือต่อกลุ่มและเกลียดชัง เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะในระยะหลัง จะมีความถี่ในการปฏิบัติการข่าวสารของกลุ่มบีอาร์เอ็นมากขึ้นโดยลำดับ อย่างกรณีเหตุเกิดล่าสุด กรณีคนร้ายลอบยิงครูสอนศาสนา ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยคนร้ายได้พยายามจะบิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องมีการชี้แจงเพื่อความเข้าใจกับประชาชนไปแล้ว และกรณีคนร้ายลอบยิง นักเรียน ที่หาของป่า เสียชีวิต 3 ราย ที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่ผ่านมา

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุ ทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้พยายามโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการสร้างกลุ่มไลน์หลอกขึ้น โดยใช้ชื่อว่า กลุ่มนักรบชายแดนใต้ เพื่อต้องการสื่อให้เห็นว่าเป็นกลุ่มไลน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่ง พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มที่มาจากไหนอย่างไร ล่าสุดได้ตรวจสอบทราบแล้วว่า เป็นกลุ่มของคนร้ายที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอก มีการเผยแพร่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคนที่เป็นแอดมิน อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้รู้ตัวแล้ว อยู่ในระหว่างการดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี.

22 มิถุนายน 2560

"สะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโล ถูกมาเลเซียจับข้อหามีอาวุธปืน"


ตามที่มีข่าวสารออกมาว่า นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ หรือ นายสะมะแอ สะอะ อายุ 60 กว่าปีอดีตผู้นำขบวนการพูโล ได้ถูกทางการมาเลเซียเข้าควบคุมตัว ในข้อหามีอาวุธปืนครอบครอง

นายสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโล ถูกมาเลเซียจับ ข้อหามีอาวุธปืนผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อนายหะยีสะมะแอ แต่ไม่ไม่สามารถติดต่อได้ จึง ประสานกับคนใกล้ชิด และข้าราชการทหารระดับสูง ทราบว่าเป็นเรื่องจริง โดยผู้ใกล้ชิดในพื้นที่ เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเวลาประมาณ บ่าย 2 โมงเย็น จนท.ทางการมาเลเซียได้ทำการปิดล้อมที่ร้านอาหารของหะยีสะมะแอ ที่รัฐเปรัค ทางตอนเหนือของมาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย และพบอาวุธปืน จึงได้ถูกควบคุมตัว ไปฝากขังที่เรือนจำบาลิ่ง รัฐเคดาห์ มาเลเซียสาเหตุทราบว่า ในบริเวณดังกล่าวมีเหตุยิงกัน จึงได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าว

สำหรับ นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตหัวหน้าขบวนการพูโล ซึ่งมีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ถูกจับกุมดำเนินคดีและติดคุกในเรือนจำไทยหลายปี กระทั่งได้รับการพักโทษและปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2558ตามนโยบายสร้างสภาวะแวดล้อมให้เอื้อต่อกระบวนการสันติวิธี ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นนายสะมะแอ เดินทางกลับที่บ้าน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และไปๆมา ที่มาเลเซีย เพราะเปิดร้านอาหารที่รัฐเปรัค นอกจากนั้น ได้ช่วยเหลือโครงการของรัฐ และร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะ โครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพื่อให้ชาวบ้านเลี้ยงสัตว์ แพะ สร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้ใหญ่ฝ่ายทหารหลายท่านรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นคงต้องให้ศาลมาเลเซียดำเนินการตามขั้นตอนของประเทศมาเลเซีย และจากนั้นจะติดต่อเพื่อช่วยเหลือในโอกาสต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเป็นมาอย่างไร ซึ่งทางญาติได้เดินทางไปเยี่ยมแล้ว"

21 มิถุนายน 2560

ผลงานกลุ่มผลประโยชน์ BRN ทำเอง โยนผิดให้เจ้าหน้าที่ ข่มขู่ครอบครัว



กรณีเมื่อ 20 มิ.ย.60 เวลา 21.35 น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดลอบยิง นายอาแว  เตาะซาตู (อุสตาสดารี) หมายเลข ปชช.3-9403-00265-27-8 อยู่บ้านเลขที่ 12/6 ม.5 บ.ทุ่งโพธิ์ ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิต กระสุนโดนบริเวณ ศีรษะ 1 นัด ใต้ราวนม 2 นัด แขน 1 นัด และ นายอาติฟ เตาะสาตู ซึ่งเป็นบุตรชายของ นายอาแวฯ ได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินออกจากมัสยิดภายในโรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลามศึกษา ม.5 บ.ปะแดลางา ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี


เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มผลประโยชน์ BRN ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอน เป็นการลงมือต่อเป้าหมายซึ่งเป็นผู้นำศาสนา เป็นที่เคารพนับถือของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเลือกเป้าหมายผู้ที่เคยมีหมาย ป.วิอาญา เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงโยนผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังมีการข่มขู่ครอบครัวให้เกิดความหวาดกลัว



กลุ่มผลประโยชน์ BRN ไม่เคยใส่ใจในเรื่องบาปบุญ ทั้งๆ ที่เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์กลุ่มตน อีกทั้งผู้เสียชีวิตคือพี่น้องที่นับถือศาสนาเดียวกันยังไม่ละเว้น ทำไม? ต้องเข่นฆ่ากันด้วย..

20 มิถุนายน 2560

รวบโจรใต้รอดตายจากเหตุโจมตี 'ฐานบ้านยือลอง คาบ้านพักที่สายบุรี


เมื่อ 20 มิ.ย.60 เวลา 04.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้สนธิกำลังซึ่งประกอบด้วยหน่วย ฉก.ทพ.44, ชป.พิเศษฯชปข.ฉก.ทพ.44, ร้อย. ทพ.4412 ร่วมกับ ชป.สืบสวน สภ.สายบุรี เข้าตรวจสอบเป้าหมายบุคคลซึ่งมี DNA ตรงกับ วัตถุพยาน ในที่เกิดเหตุ สมาชิก ผกร.เข้าโจมตีฐานบ้านยือลอ ม.3 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อ 13 ก.พ.56

จากการเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมาย เลขที่ 105 ม.5 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผลการปฏิบัติ สามารถควบคุมตัว นายมะรูดิง มิง หมายเลขประจำตัว 1940700074724 อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 52 ม.5 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบุคคลที่มี DNA  ตรงกับวัตถุพยานในที่เกิดเหตุจากการเข้าโจมตีฐานบ้านยือลอ ซึ่งในครั้งนั้นกลุ่ม ผกร.เสียชีวิตจากการปะทะ 16 ศพ และหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือนายมะรอโซ จันทรวดี


เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว นายมะรูดิง มิง จัดทำประวัติเบื้องต้น ณ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี และนำตัวส่ง หน่วยซักถาม ฉก.ทพ.43 เพื่อดำเนินการซักถามขยายผลผู้ที่รอดชีวิตและหลบหนีจากเหตุร่วมโจมตีฐานบ้านยือลอมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. 

19 มิถุนายน 2560

โจรใต้ก่อเหตุเดือนรอมฏอน..เพจชั่วบิดเบือนโยนผิดให้เจ้าหน้าที่


เพจชั่ว Suara Patani ยังคงมั่วได้ใจกลุ่มแนวร่วม บิดเบือนความจริงเลอะเทอะไปหมดจนแทบจะแยกแยะไม่ออกอันไหนจริง อันไหนเท็จ แต่ก็ยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อมีผู้ติดตามกด Like มากถึง 55,305 คนที่ติดตามเพจนี้

ข้อมูลบิดเบือน

แจ้งเตือนให้ระวัง!!!
--------------------------------------------
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายงานว่า 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอน ฝ่ายทหารสยามไทยมีแผนที่จะทำการลาดตระเวนพื้นที่ป่าเพื่อกำชับพื้นที่การเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารปาตานี และก่อเหตุยิงเก็บชาวปาตานี
ยิงชาวปาตานีต่อเนื่อง
#เหตุการณ์แรก
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.60 เวลาประมาณ 17.00น เกิดเหตุชายชุดดำอาวุธครบมือสวมไอ้โม้ง ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงนายไซนุงอาบีดิง ยายา ซึ่งเป็น ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 อ.กาบัง จ.ยะลา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหตุเกิดบริเวณ พื้นที่ ม.7 อ.กาบัง จ.ยะลา
#เหตุการณ์ที่สอง
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2560 เวลา 22.00น. เกิดเหตุคนร้ายอาวุธครบมือสวมไอ้โม้งใช้รถจักยานยนต์เป็นพาหนะ ก่อเหตุกราดยิงเยาวชนและชาวบ้านที่กำลังทำซุ่มประตูมัสยิดชุมชนบ้านท่าด่าน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ซึ่งแน่นอนในจำนวน 50,000 กว่าคนที่ติดตามเพจนี้ หากจะแยกกลุ่มผู้ที่ติดตามเพจน่าจะมาจาก 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน กล่าวคือกลุ่มแรกจะเป็นเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมที่ได้รับการปลูกฝังและล้างสมองให้มีความคิดความเชื่อตามแต่กลุ่มขบวนการจะยัดเยียดข้อมูลข่าวสารมาให้ และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือบุคคลกลุ่มนี้จะเออออกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ มีความเป็นชาตินิยมที่มีการอุปโลกขึ้นมา จนกระทั่งนำไปสู่ความเกลียดชังในเรื่องเชื้อชาติและศาสนา มองถูกเป็นผิดไม่สามารถคิดเองได้ว่าสิ่งไหนคือความจริง สิ่งไหนคือเท็จ

กลุ่มที่สองน่าจะเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการดำเนินการของเพจชั่ว Suara Patani เข้าไปเพื่อแสดงความคิดความเห็นและยอมรับไม่ได้ต่อสิ่งที่ไม่เป็นความจริงทั้งปวง ชี้แจงเพื่อชี้ให้กับกลุ่มที่เป็นเครือข่ายตามืดบอดได้รับรู้ข้อเท็จจริง เพื่อเป็นวิทยาทานนำผู้หลงทางเหล่านั้นให้ออกจากด้านมือไปสู่ที่สว่าง
มีผู้ตั้งข้อสงสัยทำไม!!! เพจชั่ว Suara Patani ไม่มีใครทำอะไรเพจนี้ได้ และยังคงบิดเบือนความจริง ชี้นำทางความคิด ปลุกระดม สร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างต่อเนื่อง

สื่อสังคมออนไลน์ทุกชนิดที่เราๆ ใช้กันอยู่ไม่มีสิ่งไหนที่ฟรี ทุกอย่างคือผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจ เพราะฉะนั้นอย่าไปหวังว่าเฟสบุ๊คจะดำเนินการกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ โดยอ้างเงื่อนไขว่าเพจดังกล่าวไม่ได้ผิดวัตถุประสงค์ต่อการดำเนินการชุมชนแต่ประการใด
ความชั่ว เพจ Suara Patani ทำการอ้างแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ จากคำบอกเล่า เค้าบอกว่า ปลุกระดมยั่งยุให้มีการใช้ความรุนแรง สร้างความแตกแยกทางความคิดของคนในสังคม

เพจชั่ว Suara Patani ใครเป็นแอดมินมิทราบ แต่ขอบอกว่าแอดมินเหี้ย!!ได้ใจ ในชีวิตประจำวันยามที่อยู่กับผู้คน คุยกับคนรอบข้างบุคคลเหล่านั้นจะต้องถามก่อนว่าเรื่องจริง หรือเรื่องเท็จเพราะเอาประเด็นไม่ได้


อยากฝากไปยังผู้ที่บริโภคข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว ข้อมูลจะต้องมีความรอบด้านมิเช่นนั้นแล้วจะต้องตกเป็นเครื่องมือของบุคคลบางกลุ่มที่พยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม และช่วยกันค้นหาแอดมินเพจชั่วเหล่านี้นำมาประจานให้สังคมรับรู้ และไม่ให้บุคคลอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง มิเช่นนี้นแล้วกลุ่มคนเหล่าจะได้ใจกระทำการที่หมิ่นแหม่ต่อความมั่นคงของประเทศ และไม่สำนึกตัวว่าตนเองเป็นคนไทย..กินบนเรือนขี้รดหลังคาบ้าน..

ผู้มีอิทธิพลกับไฟใต้...รวบนักการเมืองท้องถิ่นอาวุธปืน-กระสุนเพียบ


หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดแผนล้อมเมือง ค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ที่ปัตตานี ยึดอาวุธสงคราม พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก คุมผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่บันนังสตา สอบเค้นพร้อมตรวจอาวุธโยงเหตุความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่!!

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มิ.ย.60 พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดแผนล้อมเมือง กวาดล้างกลุ่มก่อความไม่สงบและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เป้าหมายในสามารถยึดอาวุธปืนสงคราม พร้อมเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมาก


เป้าหมายแรก เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 3/7 ม.1 ต.ตันหยงจึงงา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยได้นำกำลังร่วม ทั้งกรมทหารพรานที่ 42 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหริ่ง และชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ปัตตานี เข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายใน ต.ตันหยงจึงงา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หลังจากได้รับรายงานจากสายข่าวว่ามีความเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

จากการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก จำนวน 33 รายการ ประกอบด้วย อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 อาวุธปืนลูกซอง ปืนพก ขนาด .357 ซองกระสุนปืน และกระสุนปืนหลายชนิดเกือบ 100 นัด

ตรวจค้นบ้านเลขที่ 22 ม.4 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำการตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุน จำนวน 10 รายการ
พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา อ.มายอ, อ.ยะหริ่ง และ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จำนวน 6 รายมาทำการสอบสวน


โดยหนึ่งในเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคือ นายดีรือมัน สุหลง อายุ 29 ปี ที่อยู่ 145 ม.12 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากการสอบสวนทราบว่า เป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลตรวจค้นต่อที่บ้านญาติของนายดีรือมันอีกหลัง คือบ้านเลขที่ 22 ม.4 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำการตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุน จำนวน 10 รายการจากการตรวจค้น พบอาวุธปืนอาก้า ปืนลูกซอง ปืนพกสั้นขนาด .380 และกระสุนปืนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 6 คน รวมถึง นายดีรือมัน ไปสอบสวนขยายผลที่หน่วยซักถาม ภายในค่ายอิงคยุทธบริหารปัตตานีต่อไป.


สอบสวนเบื้องต้น นายดีรือมัน ให้การรับว่า อาวุธปืนทั้งหมดมีไว้เพื่อป้องกันตัว แต่เนื่องจากเป็นอาวุธสงครามไม่สามารถครอบครองได้ จึงผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้นำอาวุธปืนและของกลางทำหมดไปทำการตรวจสอบว่าเคยนำไปก่อเหตุและเกี่ยวข้องกับคดีใดบ้าง
พลตรี จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เปิดเผยว่า การตรวจยึดอาวุธปืนและควบคุมตัวผู้ใหญ่บ้าน เป็นการปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อกวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะตรวจสอบประวัติด้วยว่า ใครเกี่ยวข้องกับอาวุธทั้งหมด และเชื่อมโยงกับขบวนการก่อความไม่สงบหรือไม่


โดยเฉพาะคดียิงวัยรุ่นขณะหาของป่าเสียชีวิต 3 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายแล้ว 2 ราย ใช้จักรยานยนต์ยี่ห้อซูซุกิ สแมช สีน้ำเงินเทา ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่กำลังออกหาของป่าในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 รายนั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งออกหมายจับ เพราะมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน.

7 มิถุนายน 2560

ประเด็นดราม่า!! งานกาชาดยะลาปลุกกระแสเพื่อต้องการอะไร?

"นายกะลา"

กรณีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.60 นายอับดุลอาซิส ตาเดอินทร์ ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้มีกรณีที่มีการนำนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลยะลา ซึ่งเป็นนักศึกษามุสลิม มีผ้าฮิญาบคลุมศีรษะให้มาหมุนวงล้อสลากรางวัลกาชาด ในงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดยะลา ครั้งที่ 55 ประจำปี 2560 ซึ่งเป็นความไม่เหมาะสม เป็นเรื่องที่ผิดหลักการของอิสลาม และขัดต่อหลักศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง อีกทั้งมีการล่วงละเมิดหลักการของศาสนา

สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย องค์กรที่ทำงานร่วมคือ ศูนย์ทนายความมุสลิม, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มนักศึกษา PerMAS กลุ่มเป้าหมายในการจัดกิจกรรมคือกลุ่มเยาวชน, ผู้นำชุมชน, ผู้นำศาสนา ซึ่งกิจกรรมจะเป็นการฝึกอบรม เผยแพร่ ช่วยเหลือ และผลักดันนโยบาย ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินกิจกรรมใน จ.สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส

นายอับดุลอาซิส ตาเดอินทร์ ซึ่งมีตำแหน่งที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย ตัวตนจริงเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐ สังกัดโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดยะลา

แต่พฤติกรรมของ นายอับดุลอาซิส ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวสอดรับกับองค์กรภาคประชาสังคมตัวแม่ หรือแม้แต่องค์กรที่เป็นปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการอย่างกลุ่ม PerMAS ซึ่งเป็นขี้ข้ารับใช้ กลุ่มขบวนการ BRN
คนของรัฐกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน แต่เป็นขี้ข้ารับใช้ขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN มุ่งทำร้ายทำลายมั่นคงแห่งรัฐ ปลุกระดมสร้างความแตกแยกสังคมพหุวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากมีการตรวจสอบดีๆ จะมีกลุ่มคนเหล่านี้แอบแฝงอยู่เยอะ

การใช้สถานที่ราชการในการจัดกิจกรรม จัดเวทีเสวนาในการมุ่งโจมตีนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือทำการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานก็เช่นเดียวกัน มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เกิดอะไรขึ้นในดินแดนแห่งนี้

คนกลุ่มนี้คอยจ้องทำร้ายสังคม ด้วยการนำประเด็นในเรื่องศาสนาซึ่งเป็นสิ่งละเอียดอ่อนมาเล่นมาสื่อเพื่อให้ถึงอารมณ์ความรู้สึกร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ดราม่า!! ครั้งแล้วครั้งเล่าโอดครวญว่าคนศาสนาอื่นล่วงละเมิดศาสนาตน เพื่อต้องการสร้างความขัดแย้งในเรื่องศาสนาที่กลุ่มขบวนการต้องการ ปัจจุบันนี้มีการแบ่งเค้าแบ่งเรา ต้องการแยกพี่น้องประชาชนในพื้นที่ออกเป็นพวกมึง พวกกู จุดมุ่งหมายต้องการอะไร? ถ้าไม่ใช้เพื่อต้องการทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม สร้างความหวาดระแวงต่อกัน.

---------------------

4 มิถุนายน 2560

ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ไร้ตัวตน


พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวแก่สื่อมวลชน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งกลุ่ม BRN และ PULO เคยมีอยู่จริงในอดีต แต่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นองค์กรที่มีตัวตน พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ออกมาพูดคุยกับทางรัฐบาล หากยังมีตัวตนอยู่จริง
ในขณะที่ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า การไม่มีอยู่อย่างเป็นทางการของกลุ่ม BRN และกลุ่ม PULO เป็นเพียงเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเท็จจริง

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศภาค 4 ส่วนหน้า ในอดีตนั้น BRN และ PULO มีตัวตนอยู่จริง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป 40 ดว่าปี ในปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้ มีเพียงแค่ความพยายามในการสร้างความสำคัญให้กับตัวเองว่ายังมีบทบาทอยู่

"ตอนนี้ เป็นองค์กรที่ไม่มีอะไรแล้ว ซึ่งถ้ามีจริง ก็ต้องเปิดหน้ามาคุย ไม่ใช่มาหลบๆ ซ่อนๆ แล้วมาบอกเป็นขบวนการ" พล.ท.ปิยวัฒน์ฯ กล่าว

คนเหล่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่จับได้ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน แม้แต่การเป็น RKK เขาก็ไม่รู้ เขารู้แค่ว่าเขามีหน้าที่ก่อเหตุ ยิง วางระเบิด โปรยตะปู สื่อจะไปให้ราคาว่าเป็น บีอาร์เอ็น พูโล อาร์เคเค (ชุดปฏิบัติการของบีอาร์เอ็น) ความจริงต้องจบได้แล้ว ไม่ควรไปให้ความสำคัญเขาเป็นแค่ผู้ก่อเหตุรุนแรง" พล.ท.ปิยวัฒน์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ ในจังหวัดนราธิวาส เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2547 เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยที่ไม่มีขบวนการใดๆ ไม่ว่าจะเป็น บีอาร์เอ็น พูโล บีไอพีพี หรือจีเอ็มไอพี ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งต่างไปจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรือองค์การก่อการร้ายอื่นๆ ในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามเมื่อ 19 พฤษภาคม 2560 พล.ท.ปิยวัฒน์ฯ ได้นำตัวผู้ต้องหาวางระเบิดเสาไฟฟ้า และผู้ต้องหาวางระเบิดห้างบิ๊กซี 3 ราย มาแถลงข่าวและทำแผนประกอบการรับสารภาพ ส่วนหนึ่งยอมรับว่าตนเองเป็นสมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็น

ในวันเดียวกันนั้น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวประณามกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ใช้ความรุนแรงกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์และเด็ก พร้อมทั้งตอบคำถามถึงผู้อยู่เบื้องหลังที่พาดพิงถึง นายสะแปอิง บาซอ ผู้นำบีอาร์เอ็นคนเก่า และนายดูนเลาะ แวมะนอ ผู้นำบีอาร์เอ็นคนใหม่

ที่ผ่านมาผมจำได้ว่าผู้นำคนก่อน  นายสะแปอิง บาซอ เขาเลิกเรื่องนี้ไปแล้ว แต่คนใหม่กลับมาทำเรื่องนี้ ผมถือว่ายอมรับไม่ได้ ถ้ามีอะไรเผชิญหน้ากัน ถ้ารุนแรงกับทหาร ก็เป็นคู่กรณีคู่ต่อสู้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ในสมัยก่อนเราเคยคุยกัน แล้วเขาก็ยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เขาจะไม่ทำ ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ทำ หรือทำน้อยสุด กลับมาทำในลักษณะนี้ ผมถือว่าเป็นเรื่องที่เลวสุดๆ ถ้ามีอะไร ถ้าคุยก็คุยกัน ถ้าเราไม่มีอะไรต้องคุย ต้องใช้กำลังกัน เจ้าหน้าที่เขาก็มีหน้าที่ปกป้องดำเนินการพล.อ.เฉลิมชัยฯ กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า การไม่มีอยู่อย่างเป็นทางการของกลุ่ม BRN และกลุ่ม PULO เป็นเพียงเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเท็จจริง
ไม่มีข้อมูลยืนยันที่เป็นทางการ แต่มีการเคลื่อนไหวเป็นแบบนี้มาตลอด ก็จะเห็นว่า กลุ่ม PULO จะมีการออกแถลงการณ์ประณาม ซึ่งมาจากต่างประเทศมากกว่า แต่ก็มีองค์กรกลไกภายในประเทศ ส่วนกลุ่ม BRN ไม่ทราบเลย เพราะเป็นองค์กรปิดมาตลอด จะทราบก็ต่อเมื่อมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยจากคนทำงานผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

รัฐเองไม่อยากให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ข้อมูลที่รัฐบาล ทหารได้ทำการศึกษาวิจัย มีงานทางวิชาการ ที่พบว่ามีการเคลื่อนไหวมีการต่อสู้มีแนวคิด มีการสร้างเครือข่ายไปทั่วในพื้นที่ จึงเชื่อว่า มีขบวนการ BRN อยู่จริง แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ยอมรับ จึงไม่เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวเพิ่มเติม
ผมมองว่าถ้าต้องการให้มีการแก้ปัญหาตรงเป้าหมาย รัฐควรจะยอมรับเพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงและถูกจุดผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแนะนำ

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี พล.ต.สิทธิ ตระกูลวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร ในฐานะเลขานุการคณะพูดคุยสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่กรุงเทพว่า การพูดคุยเพื่อสันติสุข ยังจะคงเดินหน้าต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ นี้คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข และองค์กรมาราปาตานี ได้บรรลุข้อตกลงในกรอบการดำเนินการเพื่อจัดตั้ง พื้นที่ปลอดภัยนำร่องเพื่อเป็นการทดลองขึ้นหนึ่งเขต โดยในชั้นต้น ได้ให้ทั้งสองฝ่ายเสนอพื้นที่ที่น่าจะเป็นไปได้ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 5 พื้นที่ ซึ่งจะคัดเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งพื้นที่ ในขั้นสุดท้ายอีกครั้ง

เป็นไปได้ที่แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมาพูด เพื่อไม่ต้องการให้ความสำคัญกับกลุ่มเหล่านี้ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ มีความไม่สงบเกิดขึ้น มีองค์กรใต้ดิน มีส่วนเกี่ยวโยงกับ กลุ่ม BRN” ผศ.ดร.ศรีสมภพ ให้ทรรศนะต่อการให้ข่าวของแม่ทัพภาคที่ 4

ก่อนหน้านี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ได้ออกแถลงการณ์ประณามการวางระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีปัตตานี และมีการเรียกร้องให้เรียกกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงนี้ คือกลุ่มก่อการร้าย แต่ก็ดูเหมือนว่า รัฐบาลนิ่งเฉย เพราะไม่ต้องการให้ความสำคัญกับกลุ่ม BRN เพราะกลัวถูกแทรกแซงจากต่างชาติ

ทั้งนี้ นายสุณัย ผาสุก นักวิจัยประจำประเทศไทย องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่หน้าห้างบิ๊กซีว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี น่าจะเป็นขบวนการบีอาร์เอ็น

ถ้าดูรูปแบบการโจมตีจะสอดคล้องกับวิธีการที่บีอาร์เอ็นใช้มาตลอดเวลาสิบกว่าปี คือ โจมตีพลเรือนโดยไม่แยกแยะไทยพุทธ-ไทยมุสลิม และใช้ระเบิดหน่วงเวลา เพื่อต้อนคนให้เข้าสู่พื้นที่ระเบิดลูกที่ใหญ่กว่า ครั้งนี้เป็นการก่อเหตุที่รุนแรงมาก แต่บีอาร์เอ็นไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมา ถือว่าขี้ขลาดมากนายสุณัยกล่าว

---------------------