31 มกราคม 2560

ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีประชุมเตรียมการจัดงาน " มหกรรมท่องเที่ยวปัตตานีอาเซียน..กตัญญูคู่ฟ้า มหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี "


วันที่ 31 มกราคม 2560 เวลา 09.30 น. นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงาน"มหกรรมท่องเที่ยวปัตตานีอาเซียน..กตัญญูคู่ฟ้า มหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี" ประจำปี 2560 ณ บริเวณศาลเจ้าเล่งจูเกียง และสถานที่อื่นๆ ในตัวเมืองปัตตานี และได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อให้การจัดงานประจำปีที่สำคัญของจังหวัด เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยิ่งใหญ่


ซึ่งมี นายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิ ภาคเอกชนต่างๆ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมลังกาสุกะ ศาลากลางจังหวัดปัตตานี.


โดยจังหวัดปัตตานี กำหนดจัดงานดังกล่าว ระหว่างวันที่ 7-13 กุมภาพันธ์ 2560 บริเวณศาลเจ้าเล่งจูเกียง ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยจะกิจกรรมที่สำคัญๆ คือ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ในช่วงบ่ายมีการอัญเชิญเกี้ยวมหามงคล ไปรอบเมืองปัตตานี และเปิดงานมหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในวันรุ่งขึ้นวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ตั้งแต่เช้าตรู่จะมีการอัญเชิญองค์พระหมอ (พระประธาน) องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และองค์พระต่างๆ 23 องค์ ออกจากศาลเจ้าแห่ไปตามเส้นทางที่กำหนด มีขบวนรถบุปผาชาติ ขบวนสิงโต มังกรทอง เพื่อร่วมพิธีแห่พระลุยน้ำบริเวณเชิงสะพานเดชานุชิต ริมแม่น้ำปัตตานี ในช่วงบ่ายสามโมงขบวนพระหมอ องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และองค์พระต่างๆ จะเข้าร่วมพิธีลุยไฟ บริเวณศาลเจ้าเล่งจูเกียงตามประเพณี

นอกจากกิจกรรมที่มีความสำคัญทั้ง 2 วันดังกล่าวแล้ว ตลอดการจัดงานตั้งแต่วันที่ 7-13 กุมภาพันธ์ 2560 จะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ นิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การจำหน่ายอาหารพื้นเมือง 3 วัฒนธรรม การแสดงประกอบแสง สี เสียงและสื่อผสม การแสดงมโนราห์ และการแสดงมหรสพ อุปรากรจีน (งิ้ว) ตลอดงาน จึงขอเชิญชวนผู้ที่เคารพนับถือในองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ไปร่วมงานมหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี ตามวัน และเวลาดังกล่าว โดยทั่วกัน

30 มกราคม 2560

ค้นพบหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับพระราชวังเก่า อายุ 500 กว่าปี "เมืองสาย"อ.สายบุรี จ.ปัตตานี


เปิดข้อมูลค้นพบหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับพระราชวังเก่า อายุ 500 กว่าปี ถูกซุกซ่อนอยู่ในเขตอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี บนถนนเลียบชายทะเลอันสวยงามที่สุดในคาบสมุทรแห่งนี้ แซมด้วยหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิม เช็คอินที่สุสานกษัตริย์ริมทะเลสายตระกูล "ยัลลัล"จากมินังกาเบา และชมฐานพลับพลาเก่า อดีตเป็นที่ตั้งพระราชวังเมืองสายยุคเดียวกับลังกาสุกะ การจะรู้จักสายบุรีนั้น ต้องเข้าใจว่ายุคเริ่มแรกอยู่ในเขตอำเภอไม้แก่น ยุคใหม่อยู่ในเขตอำเภอสายบุรีในปัจจุบัน



“ หากย้อนไปในอดีตจะพบว่าบริเวณปากแม่น้ำนี้ก็คือจุดรับส่งสินค้า มีบรรดาช้างซึ่งเป็นพาหนะชั้นดีขนส่งสินค้ามาขึ้นเรือที่เมืองสายบุรีเดิม สายบุรี มีชื่อเดิมว่า เมืองสาย คำว่าเมืองสายนี้มาจากภาษามลายูว่า นครีซา ซึ่ง นครี แปลว่า เมือง ซา แปลว่า ปฏัก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ควาญช้างใช้บังคับช้าง ซา ที่บังคับช้างนี้เรียกว่า ซากาเยาะ ซึ่ง กาเยาะ แปลว่า ช้าง

จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสบอกว่า หาดบางสายนั้นเรียกว่า ปันไตกัวลอซา ปัจจุบันอยู่ที่หมู่บ้านละเวง ตำบลดอนทราย อำเภอไม้แก่น บริเวณนี้ในอดีตเป็นปากแม่น้ำสายบุรี เมื่อเราเรียนรู้ภูมิศาสตร์จะพบว่า ลุ่มน้ำสายบุรีนั้น เชื่อมต่อไปยังรือเสาะ สุคิริน ข้ามไปแม่น้ำเปรัค ในมาเลเซีย และไปออกปากอ่าวแม่น้ำปาหัง นี้คือเส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์แบบโบราณ และลุ่มน้ำสายบุรีก็เป็นแหล่งทองคำ


เส้นทางตรงนี้ก็คือ เส้นทางคมนาคมแต่โบราณ มีการใช้แพ เรือกันเชียง เรือพาย พัฒนาจนถึงเรือกลไฟเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว เป็นการเดินทางเพื่อมาออกปากแม่น้ำสายบุรี ดังนั้นที่นี้จึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า กัวลอซา คือ หาดที่บรรดาควาญช้างใช้ปฏักปักหลังจากการบังคับช้าง บริเวณแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยช้าง เพราะสมัยนั้นช้างเป็นพาหนะชั้นดีของการคมนาคมขนส่งสินค้า” (อิสมาอีล เบญจสมิทธิ์, 2551)


เป็นเรื่องน่าเสียใจ สถานที่แห่งนี้ในปัจจุบันถูกครอบครองโดยคนต่างถิ่น ที่ไม่เห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชนชาติมลายูโบราณ เป็นเรื่องน่าเศร้าสลดในหมู่พวกเราชาวมลายูฟาตอนีที่ไม่เอาใจใส่และขาดความมุ่งมั่นกับการศึกษาและพัฒนาความรู้ การขาดความจริงจังในการศึกษาและพัฒนาความรู้นั้น เกิดขึ้นในหมู่ผู้ปกครองชาวมุสลิมรวมทั้งบรรดาผู้มีอันจะกิน ตลอดจนผู้ที่มีความสามารถในการศึกษาค้นคว้า แต่พวกเขากลับละเลยทั้งในอดีต และปัจจุบัน ผลของการละทิ้งในด้านการศึกษาค้นคว้า ทำให้สถานการณ์ของสังคมมุสลิมมลายูฟาตอนีเปลี่ยนจากสภาพที่เคยสูงส่งและมีเกียรติ ไปสู่สภาพอันต่ำต้อยอย่างที่สุดในทุกๆ ด้าน เมื่อเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆ จนท้ายที่สุดนำมาซึ่งการสูญเสียถิ่นที่อยู่ถูกครอบครองโดยชาวสยาม และได้เปลี่ยนพวกเราให้กลายเป็นคนไทยที่ไร้ราก ไร้ประวัติศาสตร์ ไร้ศิลปวัฒนธรรม ไร้จิตวิญญาณอันอิสระ อามีนยาร้อบ !!

29 มกราคม 2560

ปอเทืองเมืองธารโต



ปอเทืองเหลืองงามตา พสุธาสว่างใส
ทุกคนต่างชอบใจ และหลงใหลทุ่งปอเทือง
ประพันธ์โดย เด็กหญิงปราณปรียา วัฒนอาภรณ์ชัย ม.๑/๒
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 เวลา 13.00 น. ที่ โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์ อำเภอธารโต จังหวัดยะลา นายนพปฎล มุณีรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์ พร้อมด้วย นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอธารโต, เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 และนักเรียน ร่วมเปิดทุ่งปอเทือง เมืองธารโต ที่บริเวณริมถนนเส้น 410 ยะลา เบตง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะชม เช็คอิน ถ่ายภาพเก็บความสวยงามของทุ่งปอเทือง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายนพปฎล มุณีรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์ กล่าวว่า การปลูกทุ่งปอเทือง ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา เรียนรู้วิธีการปลูก รู้จักประโยชน์และคุณค่าของต้นปอเทือง อีกทั้งยังต้องการให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองธารโต ให้ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว มีจุดถ่ายรูป มีจุดเช็คอินใหม่ๆ เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่เทคโนโลยี เข้ามามีส่วนสำคัญในการกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม และสื่ออื่นๆ การถ่ายภาพและโพสลงโซเซียลก็จะทำให้เป็นที่รับรู้ และอยากมาสัมผัสทุ่งปอเทือง แห่งนี้มากขึ้น


สำหรับการปลูกทุ่งปอเทือง นอกจากจะมีความสวยงาม สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่แล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เพราะต้นปอเทืองเป็นพืชในตระกูลถั่วที่นิยมปลูกมากสำหรับเป็นปุ๋ยพืชสด เป็นอาหารโค, กระบือ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมปลูกมากในช่วงของต้นฤดูฝน ก่อนที่จะไถ กลบหรือเก็บเกี่ยวก่อนปลูกพืชหลัก และที่สำคัญสามารถปลูกเพื่อป้องกันหน้าดินพังทลายอีกด้วย ซึ่งหากใครสนใจอยากเก็บภาพบรรยากาศสวยๆของทุ่งปอเทือง สามารถไปชมกันได้ที่ ทุ่งปอเทือง เมืองธารโต ตั้งอยู่ที่ โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์ อำเภอธารโต จังหวัดยะลา

14 มกราคม 2560

ได้หมดถ้าสดชื่น!! ตำรวจ สภ.กาบัง ยะลา เเดนซ์กระจายในงานวันเด็กฯ

ฮือฮา ตำรวจ สภ.กาบัง จ.ยะลา ยกทั้งโรงพักขึ้นเต้นโชว์ลีลา จนเด็กอาย เเดนซ์กระจายในงานวันเด็กแห่งชาติ 
ที่สนามโรงเรียนบ้านนิบง ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา นายนิมะ มะกาเจ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดยะลา ได้เป็นประธานในการเปิดงานวันเด็กแห่งชาติตำบลกาบัง พร้อมทั้งอ่านสาร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2560 มอบของขวัญให้กับเด็กๆ และร่วมกิจกรรมภายในงาน โดยมีผู้ปกครองและเด็กๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 โดย พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับการ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ได้นำยุทธโธปกรณ์ต่างๆ และรถหุ้มเกราะมาบริการให้เด็กๆ ได้ลองเข้าไปในตัวรถ ดูระบบต่างๆ ภายใน พร้อมทั้งคอยอำนวยความสะดวก ดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมกัน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกองกำลังภาคประชาชนอย่างเต็มที่
ไฮไลท์ หลังประธานเปิดพิธีเสร็จเรียบร้อย ตำรวจ สภ.กาบัง 30 กว่าคนขึ้นบนเวทีโชว์การแสดง 2 ชุด ชุดแรกเต้นแบบสดๆ โชว์สเต็ปหุ่นเพรียว ชุดที่สองใส่หน้ากากโปเกมอน เต้นโชว์สเต็ปที่ไม่ธรรมดา ด้วยการใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจ แบบเต็มยศ แบบลืมตัวเองว่าเป็นตำรวจ เต้นจนเด็กอายแทน 
หลังจากคิวตำรวจเสร็จ ถึงคิวเด็กๆ ต่อ แต่ละคนแย่งกันขึ้น แย่งกันเต้นจนเวทีเกือบรับน้ำหนักไม่ไหว สร้างความฮือฮาและรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ เป็นอย่างมาก.

8 มกราคม 2560

เรือผลักดันน้ำต่อชึ้นตามพระราชดำริในหลวง ร.9 เริ่มทำงานที่ชะอวด

‪นี่ล่ะ...เรือผลักดันน้ำ ที่กรมอู่ทร.ต่อขึ้นตามพระราชดำริ"ในหลวง ร.9"ไว้ระบายน้ำลงทะเลเร็วขึ้น‬



"หน่วยเฉพาะกิจ ผลักดันน้ำ"ทัพเรือ ติดตั้งเรือผลักดันน้ำ30 เครื่อง แล้ว เร่งระบายน้ำ ชะอวด

จุดที่ 1 บริเวณ สะพานคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง อำเภอชะอวด จังหวัด นครศรีธรรมราช โดยใน 08.45 น. ดำเนินการนำเรือลงน้ำเรียบร้อยและอยู่ระหว่างตรวจสอบและยึดตรึง หลังจากนี้จะทำการทดลองเดินเครื่อง

โดยจะให้เดินเครื่อง 20 ชม./วัน เนื่องจากมวลน้ำมีจำนวนมาก การติดั้ง มีความล่าช้าเนื่องจากมีฝนตกตลอดเวลาการปฏิบัติงาน

โดยจะติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ จะติดตั้งรวม 2 จุด โดย จุดที่ 1 บริเวณ สะพานคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 30 ลำ

และจุดที่ 2 บริเวณสะพานคลองระบายน้ำฉุกเฉิน อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 20 ลำ
รอ ลำเลียง โดย เรือหลวงอ่างทอง อยู่ระหว่างการเดินทางคาดถึงหมายในเวลา 18.00 น.

7 มกราคม 2560

ไม่ให้รักทหารได้งัย!!

เมื่อ 7 ม.ค.60 เวลา 15.30 น. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช มทภ.4 ตรวจเยี่ยมรถครัวสนามของหน่วย ร.15 พัน.2 ที่ประกอบอาหารแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ณ บริเวณตลาดสำเพ็งเมืองคอน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
แม่ทัพสั่ง ฮ นำอาหารส่งมอบให้ผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ ก็ช่วยกัน ทำอะไรได้ก็ต้องทำ ความทุกข์ของชาวบ้าน คือ หน้าที่ของพวกเราทุกคน
ยามทุกข์ร่วมสู้ ขอบคุณทหารพรานที่ 41 ที่ระดมทั้งแรงกาย แรงใจ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ภาพแห่งความประทับใจ ที่ไม่อาจลืมได้

ถึงจะมืดจะค่ำ ต้องใช้ไฟฉายส่องทางก็ตาม ผู้การหมู ก็ไม่หวั่น ใจสั่งมาว่าต้องไปให้ถึง หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่ขอพูดถึง ประชาชนสำคัญกว่า เราไปดี เราไปช่วย คงไม่มีอะไร ถ้าจะมีก็ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เป็นคำพูดที่ใครๆก็อยากได้ยิน โดยเฉพาะช่วงที่กำลังลำบากเดือดร้อน สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ


5 มกราคม 2560

ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ จชต. ประชุมมอบมโยบาย ก่อนอวยพรปีใหม่ และลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย จ.ยะลา

ผบ.ทบ. ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชุมมอบมโยบายกำลังพล ก่อนอวยพรปีใหม่ ลงตรวจสอบพื้นที่อุทกภัยที่อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

วันนี้ (5 มกราคม 2560) เวลา 10.00 น. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยพลเอก สสิน ทองภักดี เสนาธิการทหารบก และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ กับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และรับฟังการบรรยายสรุปจากพลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนที่จะมอบนโยบายในการปฎิบัติหน้าที่

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปยังศาลาพิณประเสริฐ เพื่อมอบของขวัญปีใหม่และอวยพรปีใหม่ ให้กับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจต่างๆ และกำลังพลจำนวน กว่า 200 นาย
จากนั้น ในช่วงบ่ายพลเอก เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ จะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัย ที่หมู่ 4 บ้านปาดาฮัน ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา พร้อมนำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 200 ราย

โถกใจอย่างแรง...คลิปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมสุดฮาที่นราธิวาส


ถือเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์  เมื่อเฟซบุ๊คชื่อ เฮ้ยเฮ้ยคริถุงจุงเฟย อุ๊ปส์อุปส์ป่ะห์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดฮาของเด็กหนุ่มชาวนราธิวาสสวมบทนักข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม ได้ถึงอารมณ์ โดยจากคลิปดังกล่าวปรากฎภาพผู้ชายกำลังยืนอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมที่มีระดับสูงประมาณเอว พร้อมกับการเลียนแบบเป็นนักข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่ท่วมที่นราธิวาส โดยขณะกำลังยืนพูดอยู่นั้นกระแสน้ำก็พัดไปด้วยแต่ยังคงรายงานไปเรื่อยๆไม่หยุดพูดแต่อย่างใด เหมือนระดับนักข่าวมาเอง เรียกได้ว่าเปลี่ยนความเครียดเป็นความสนุกได้เลยทีเดียว

ทั้งนี้หลังคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปส่งผลให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งแชร์ส่งต่อเป็นจำนวน จนล่าสุดยอดวิวคลิปนี้ทะลุกว่า 7 แสนวิวแล้ว
https://www.facebook.com/abdulhakim.kasing/videos/707768852720913/

4 มกราคม 2560

เอเลียส ดอเลาะห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟลูกครึ่งไทย-สวีดิช ลูกหลานชาวนราธิวาสฝันอยากติดทีมชาติไทย

เอเลียส ดอเลาะห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟลูกครึ่งไทย-สวีดิช ได้เปิดใจกับ Skånesport สื่อแดนไวกิ้งถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความปรารถนาที่จะติดทีมชาติไทย

เขา คือ ผู้เล่นที่ถูกตามจีบจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ไทยลีก หลังเกือบพาสงขลา ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นจนล่าสุดได้เป็นนักเตะใหม่ของการท่าเรือ เอฟซี ทีมน้องใหม่ไทยลีกในฤดูกาล 2017
เขาอาจพูดไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องราวชีวิตของเขามากนัก เด็กหนุ่มร่างยักษ์วัย 23 ปี ผู้ที่เกิดและเติบโตในดินแดนสแกนดิเนเวีย แต่อยากสวมเสื้อทีมชาติไทย

เอเลียส ดอเลาะห์ : ยักษ์นอกสายตาจากสวีเดน โดยแข้งวัย 23 ปีเริ่มต้นค้าแข้งในสวีเดนกับลุนด์และโรเซนการ์ด ก่อนจะย้ายมาเล่นในเมืองไทยกับสงขลาและท่าเรือในที่สุด

ซึ่งเอเลียสได้พูดถึงทีมชาติไทยว่า "แน่นอนว่าทีมชาติไทยคือทีมที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาเพิ่งจะเสมอออสเตรเลียในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกมา"

พ่อของผมเป็นชาวไทยมาจากจังหวัดนราธิวาส เขาได้ศึกษาต่อที่ประเทศกาตาร์ และก็ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงที่ประเทศสวีเดน เมื่อตอนอายุ 25 ปี ก่อนที่จะพบรักกับคุณแม่ของผมที่เป็นชาวสวีดิช ทำให้เขาตัดสินใจตั้งรกรากที่นั่น เขาเปิดธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับพวกอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ มันขายดีมากๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลหนาว ส่วนแม่ของผมเป็นแม่บ้านซะมากกว่า

"ผมหวังว่าตัวเองจะได้เข้าไปอยู่ตรงจุดนั้น แต่คุณก็ต้องเล่นในลีกสูงสุดเสียก่อน และตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว"

"ท่าเรือถือเป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศ และพวกเขาแสดงท่าทีที่จริงจังว่าอยากได้ตัวผม"


"ไทยลีกมีหลายทีมที่มีทรัพยากรเจ๋งๆ และพวกเขาก็ต้องการจะไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นหมายความว่าคุณภาพต้องสูงในระดับหนึ่งแน่นอน"

จ.ยะลา สรุปสถานการณ์อุทกภัย ราษฎรเดือดร้อนนับหมื่นราย 3,724 ครัวเรือน ครอบคลุมใน 4 อำเภอ

จังหวัดยะลา สรุปสถานการณ์อุทกภัย ราษฎรเดือดร้อนแล้ว 3,724 ครัวเรือน 13,965 คน ใน 4 อำเภอ

วันนี้ (4 ม.ค. 60) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา เปิดเผยสรุปสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ถึง 3 มกราคม 2560 จังหวัดยะลาได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ถึง 3 มกราคม 2560 เนื่องจากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 4 อำเภอ 2 เทศบาลตำบล 29 ตำบล 1 ชุมชน 116 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 3,724 ครัวเรือน 13,965 คน อพยพ 6 ครัวเรือน 23 คน ถนน 38 สาย โรงเรียน 1 แห่ง ประกอบด้วย อำเภอเมืองยะลา 9 ตำบล 1 ชุมชน 27 หมู่บ้าน 728 ครัวเรือน 2,510 คน โรงเรียน 1 แห่ง อำเภอรามัน 2 เทศบาลตำบล 10 ตำบล 53 หมู่บ้าน 2,692 ครัวเรือน 10,090 คน ถนน 14 สาย อำเภอบันนังสตา 4 ตำบล 14 หมู่บ้าน 268 ครัวเรือน 1,365 คน อำเภอยะหา จำนวน 6 ตำบล 17 หมู่บ้าน 36 ครัวเรือน ถนน 10 สาย

สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชน จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยทหารในพื้นที่และอาสาสมัครฯ ได้ให้ความช่วยเหลือ มอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย จำนวน 485 ชุด เหล่ากาชาดจังหวัดยะลามอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลวังพญา และตำบลท่าธง อำเภอรามัน จำนวน 150 ชุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลามอบยาและเวชภัณฑ์ให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอยะหา จำนวน 100 ชุด และอำเภอเมืองยะลา จำนวน 150 ชุด รวม 250 ชุด เทศบาลเมืองสะเตงนอกแจกจ่ายข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่ม จำนวน 200 ชุด พร้อมทั้งทำการขุดลอกเปิดทางระบายน้ำในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา เพื่อระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ หมู่ที่ 3 , 4 , 10 ตำบลสะเตงนอก เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่บึงแบเมาะ ซึ่งเป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำเพื่อระบายลงสู่แม่น้ำปัตตานี พร้อมมอบเรือให้ราษฎรในพื้นที่ จำนวน 2 ลำ เพื่อใช้ในการสัญจร สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว มอบหมายให้เทศบาลเมืองสะเตงนอก จัดทำแผนป้องกันจุดเสี่ยง จุดท่วมซ้ำซาก เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป

ขณะที่แนวโน้มสถานการณ์ยังมีฝนตกกระจายเล็กน้อยในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำสายบุรียังล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอรามัน และแม่น้ำปัตตานีล้นตลิ่งเล็กน้อยในพื้นที่อำเภอเมืองยะลา ยังคงติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดในเช้าวันนี้ (4 ม.ค. 60) ฝนได้ทิ้งช่วง ลดปริมาณลง หลังเมื่อวานนี้ (3 ม.ค. 60) ฝนได้ตกในพื้นที่จังหวัดยะลาอย่างต่อเนื่อง

ทหารกับการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนประสบภัยน้ำท่วมต้องทำงานหนักถึง 2 เท่า


ภารกิจทหารหาญกับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยชายแดนภาคใต้



คลิปวีดีโอช่วยเหลือน้ำท่วม จชต.

ทหารกับการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์น้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความแตกต่างกับพื้นที่อื่นอย่างมาก ทหารในพื้นที่นี้ ต้องทำงานหนักถึง 2 เท่า ทั้งการช่วยเหลือประชาชน และการป้องกันการถูกซุ่มโจมตีจากกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง


3 มกราคม 2560

ศรีสาครดุคนร้ายยิงหนุ่มปัตตานีดับข้างถนนท่ามกลางสายฝน

นราธิวาส-เมื่อวันที่ 3 ม.ค.60 เวลา 12.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุ จากอำเภอศรีสาครว่าคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดทำการก่อเหตุยิงราษฎรเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่รุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นริมถนน ม.1 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ตรวจสอบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายมาหะมะ วิชา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 ม.5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจะมาจากเรื่องประเด็นส่วนตัว หรือการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของผู้ก่อเหตุรุนแรง ต้องรอคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


รู้จักหนูน้อย คอร์บิ้น เมอร์เรย์ แข้งลูกครึ่งเนื้อหอมฝันอยากติดธงไทย



แน่นอนว่าความฝันของนักฟุตบอลทุกคนย่อมอยากที่จะมีโอกาสได้ติดทีมชาติซักครั้ง เช่นกันกับ หนูน้อย  คอร์บิ้น เมอร์เรย์ ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัย 7 ขวบก็ฝันอยากจะติดทีมชาติไทยเช่นกัน
ลูกยิงมหัศจรรย์
คอร์บิ้น เมอร์เรย์ หนูน้อยลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย วัย 7 ขวบ
ดาวเตะอนาคตไกลวัย 7 ขวบ เล่นให้กับทีมท้องถิ่นในเมืองแมนเชสเตอร์ แต่มีฝีเท้าดีจนบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ได้ส่งเทียบเชิญให้ไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมมาแล้ว ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล และไม่เท่านั้น ยังมี เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ส่งแมวมองมาติดตามดูฟอร์มแบบใกล้ชิด เรียกได้ว่า เนื้อหอมทีเดียว
และแม้ว่า จะเป็นนักเตะลูกครึ่งไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับโอกาสให้ไปฝึกซ้อมกับบรรดาทีมใหญ่ในเมืองผู้ดีแต่ว่าความฝันอันสูงสุดของคอร์บิ้น เมอร์เรย์ และครอบครัวคือการได้รับใช้ทีมชาติไทย จากการเปิดเผยผ่าน ไอจี ส่วนตัว หากวันหนึ่งหาก หนูน้อยคนนี้เดินตามคามฝันที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ เชื่อว่าจะต้องกลายมาเป็นขวัญใจของกองเชียร์ชาวไทยแบบไม่แพ้ ชาริล ชัปปุยส์ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวิส เพราะหน้าตาหล่อเหลาเอาการไม่ใช่เล่น
พ่อสก็อต เมอร์เรย์ เล่าให้ฟังว่า ลูกชายเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 3 ขวบในงานกีฬาของโรงเรียนโบลตันที่ประเทศอังกฤษ และมีแววมาตั้งแต่ตอนนั้น โดยสาเหตุที่มีหลายสโมสรต้องการตัวเป็นเพราะเหล่าแมวมองเห็นว่ามีความเร็ว และทักษะที่ดี นอกจากนั้นยังสามารถเข้าสกัดบอลได้ยอดเยี่ยม บางคนบอกน้องคอร์บินเร็วเหมือน คริสเตียโน โรนัลโด และยิงไกลได้ดีเหมือนกับ เดวิด เบ็คแฮม อดีตสองนักเตะปีศาจแดง ขณะที่น้องคอร์บินเผยว่า ตัวเองชอบเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ มีนักเตะขวัญใจคือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และหลุยส์ ซัวเร


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก IG : kiana_corbyn

ปอเนาะบ้านตาล "ปอเนาะต้นแบบ"


เยาวชนจาก 4 อำเภอสงขลา เดินทางสู่ โรงเรียนประทีปศาสน์ (ปอเนาะบ้านตาล) เพื่อศึกษาดูงาน บุคคลต้นแบบ และ โรงเรียนปอเนาะตัวอย่าง โดยมีการรับฟังการบรรยายความรู้ในการศึกษาจาก ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีต เลขาธิการอาเซียน ณ หอประชุม โรงเรียนประทีปศาสน์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โรงเรียนประทีปศาสน์ ปอเนาะบ้านตาล เป็นสถาบันที่เปิดทำการสอนวิชาศาสนาอิสลามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 โดยอัลมัรฮูม อาจารย์ฮัจยียะโกบ พิศสุวรรณ ซึ่งภาษาที่ใช้ทำการสอนในขณะนั้นเป็นภาษามลายู และ ภาษาอาหรับ พ.ศ.2512 โรงเรียนได้แปรสภาพจากการสอนระบบปอเนาะมาเป็นการสอนระบบโรงเรียน โดยใช้ชื่อมะอัดมิสบาฮุดดีนซึ่งตรงกับภาษาไทยว่าโรงเรียนประทีปศาสน์ และได้จดทะเบียนกับทางราชการเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ทำการสอนวิชาสามัญ หลักสูตรภาษาอาหรับระดับชั้นอิบติดาอียะห์ ปีที่ 1- 4 โดยอาจารย์เจ๊ะอะหมัด เจ๊ะหมัด เป็นครูใหญ่คนแรก

ปัจจุบันโรงเรียนประทีปศาสน์ ได้แปรสภาพโรงเรียนประเภทโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามตามมาตรา 15 ( 2) มาเป็นประเภทโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามตามมาตรา 15 (1) พ.ร.บ.การศึกษาเอกชนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สธ.) โดยใช้หลักสูตรอิสลามศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น
โดยได้พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับหลักสูตรของมหาวิทยาลัย อัลอัซฮาร ประเทศอียิปต์จนได้รับการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่ามาตรฐานการศึกษาของทางมหาวิทยาลัย
ทางโรงเรียนได้คัดเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ส่งไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแหงนี้ ตามโครงการนักเรียนทุนรัฐบาลอียิปต์จำนวน 6 รุ่น ๆ ละ 10 คน และโรงเรียนยังคงดำเนินนโยบายต่อไปอย่างต่อเนื่องทุกปี

ปัจจุบันโรงเรียนได้เปิดสอนเสริมวิชาชีพพิเศษศาสนาโดยการเรียน(กีตาบ) และสอนวิชาหลักการอ่านกรุอ่าน ซึ่งเป็นธรรมนูญของอิสลาม โดยอาจารย์ฮัจยีอับดุรรอหีม พิศสุวรรณ และอาจารย์ฮัจญะห์ซอฟีย๊ะ พิศสุวรรณ เพื่อมุ่งเน้นความรู้แก่ผู้เรียน ในด้านศาสนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และโรงเรียนได้ส่งนักเรียนที่ผ่าการประเมิน ความรู้ด้านศาสนาออกไปสอนภาคฟัรดูอีนย์ (ความรู้ด้นศาสนาขั้นพื้นฐาน) ตามชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงเรียนและชุมชน และโรงเรียนถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนและสังคมมุสลิมสืบไป

2 มกราคม 2560

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมชายแดนใต้

มทภ.4 สั่งเจ้าหน้าที่ทหารเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสภาวะฝนหนักในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และ นราธิวาสใน ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้บางพื้นที่น้ำระบายไม่ทัน จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมขึ้นบางพื้นที่ โดยหลังจากได้เกิดสภาวะฝนตกหนักดังกล่าว 


พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วย เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และ ถุงยังชีพ ตลอดขนเตรียมอพยพประชาชนหากพบว่ามีน้ำท่วมสูง พร้อมทั้งให้เปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเพื่อทำการช่วยเหลือประชาชน โดยประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม สามารถแจ้งหรือขอรับการช่วยเหลือได้ที่หน่วยทหารทุกหน่วยใกล้บ้านท่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้มีการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง